9 บจ. เขย่าความเชื่อมั่น ฉุดตลาดหุ้นไทยรอบใหญ่

9 บจ. เขย่าความเชื่อมั่น  ฉุดตลาดหุ้นไทยรอบใหญ่

ความเคลื่อนไหว บจ.ในตลาดหุ้นไทยสามารถชี้นำเศรษฐกิจ และศักยภาพของประเทศ จากการเป็นบริษัทชั้นนำในแต่ละอุตสาหกรรมระดมทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ปรากฏ 2 ปีที่ผ่านมากลับเผชิญในแง่ลบ และกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศอยู่ตลอด

      ยิ่งในหลายๆ เคสมักมีสารตั้งต้นความอลหม่านจากปัญหาทางการเงิน การขาดสภาพคล่อง  การใช้จ่ายเงินเกินตัวด้วยลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก  หรือหนักสุดการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งจงใจ และประมาณเลินเล่อ  จนกลายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายตามมา จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ จะทำให้นักลงทุนต้องตั้งคำถามว่าเกิดอะไรกับตลาดหุ้นไทยวันนี้

      ขณะที่ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่ บจ. ที่เกิดเหตุการณ์ และราคาหุ้นเท่านั้น แต่ยังเกิด “โดมิโนเอฟเฟกต์”  ลุกลามไปแหล่งเงินระดมทุนทั้งสินเชื่อจากสถาบันการเงิน   หุ้นกู้ซึ่งมีกองทุนรวม และนักลงทุน    เครดิตสินเชื่อทางการค้าที่มีคู่ค้า-พันธมิตร รวมอยู่ด้วย  

   

          ดังนั้นหากเกิดปัญหาความไม่เชื่อมั่นจุดติดขึ้นเมื่อไรย่อมประเมินผลเสียหายออกมาเป็นตัวเลขตัวเงินได้ยากทันที

          ย้อนไปช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่จุดกระแสขึ้นมาปลายปี 2565  คือ "มอร์ รีเทิร์น" หรือ MORE  อดีตหุ้นฉาวที่โดนข้อหาฉ้อโกง 11 โบรกเกอร์ หลังเกิดเหตุการณ์ ‘ปล้นโบรกเกอร์ครั้งใหญ่’

          จาก “นายอภิมุข บำรุงวงศ์” ส่งคำสั่งซื้อหุ้น MORE 1,500  ล้านหุ้น ราคา 2.90 บาท มูลค่า 4,350 ล้านบาท  ช่วงเดือนพ.ย.2565  ด้วยการใช้มาร์จินมีหุ้น MORE หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่สุดท้ายไม่มีการส่งมอบเงินเพื่อชำระค่าหุ้นจนเกิดการฟ้องร้อง และยึดทรัพย์ดังกล่าว พร้อมสำนักงาน ก.ล.ต.  กล่าวโทษกลุ่มบุคคลกรณีร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE  32 ราย

         ถัดมาเคสที่สะเทือนตลาดหุ้นไทยของจริงตามมาในเดือนเม.ย.- พ.ค.  คดีใหญ่ฉ้อโกง และตกแต่งบัญชีในตลาดหุ้นไทย  "สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น" หรือ STARK  ที่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ผู้ถือหุ้นครอบครัวดังจนถึงผู้บริหารระดับสูง แต่ที่จุดติดกระแสความไม่มั่นใจของนักลงทุนคือ โยกเงินสินเชื่อสถาบันการเงิน – การระดมทุนหุ้นกู้  และเงินเพิ่มทุน ออกไปจากบริษัทอย่างง่ายดายจนเกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

            ผลกระทบตามมาจาก STARK ทำให้ ตลาดหุ้นกู้ปั่นป่วน ผู้ออกไม่สามารถระดมทุนได้ผู้ซื้อไม่เชื่อมั่น  จนเกิดกรณีตามมาอีกหลาย "เจเคเอ็น โกลบอล" หรือ JKN  เกิดการ “ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้” รุ่น JKN239A จำนวนเงินต้น และดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609 ล้านบาท และลามไปยังหุ้นกู้ชุดอื่นอีก 5 ชุด รวม 3,000 ล้านบาท  ต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการแบบเร่งด่วนของบริษัท และนำไปสู่การคัดค้านของเจ้าหนี้หลายครั้ง

            ยักษ์ใหญ่ก็ไม่รอด " อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์" หรือ ITD ปัญหาสภาพคล่องกระทบหุ้นกู้ 5 ชุด มูลค่า 14,455 ล้านบาท ต้องขอผ่อนผันชำระหนี้ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้หุ้นกู้ รวมไปถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินสูงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาทมีปัญหาการชำระหนี้ตามมา

            เมื่อตลาดหุ้นกู้-ตราสารหนี้เกิดปัญหาทำให้แหล่งระดมทุนตลาดหุ้นกลายเป็นจุดเสี่ยงตามมา เกิดกรณีหุ้นถูก Short sell ตามมาด้วยการถูกบังคับขายหุ้น หรือ Force sell              

            โดยหุ้นที่เคยเป็นดาวเด่นกลุ่ม"เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้ง "หรือ JMART  กลุ่ม JMARTราคาหุ้นร่วงยกกลุ่มจากงบการเงินบริษัทลูกพลิกขาดทุน และมีข้อกังขางบการเงิน  จนกระทบหุ้นแม่ JMART จะเผชิญปัญหาสภาพคล่องหุ้นกู้  จนผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องออกมายืนยันไม่กระทบสภาพคล่องแต่ยอมรับถูก Force sell เกิดการขายหุ้นบิ๊กล็อตออกมา  หรืออดีตหุ้นดาวรุ่ง บมจ.มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MGI ราคาหุ้นออลไทม์ไฮ 65 บาทจากไอพีโอ 4.95 บาท ระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน  ราคาหุ้นดิ่งทันทีหลังมาตรการหยุดพักซื้อขายที่ 17.60 บาทจากความกังขาเป็นการ Short sell จนถูก  Force sell กันแน่

         "สบาย  เทคโนโลยี" หรือ SABUY เผชิญ Force sell จากผู้ถือหุ้นใหญ่ มีพอร์ตลงทุนด้วยมาร์จิน และมีการเทขายหุ้นจนเกือบหมดพอร์ตจนมีการเปลี่ยนมือเจ้าของ  ตามมาด้วยเปิดงบ "สบาย คอนเน็กซ์ เทค " หรือ SBNEXT มีรายการนำเงินจากการกู้กลุ่ม SABUY และซื้อหุ้นเดียวกันกลายเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์

         ล่าสุด"เน็กซ์ พอยท์" หรือ NEX  และ "พลังงาน บริสุทธิ์ "หรือ EA ราคาหุ้นดิ่งฟลอร์  ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นเทขายหุ้นออกมาจากการถูก Force sell และรายงานข้อมูลขายหุ้นไม่ตรงกัน แต่ที่ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ในตลาดหุ้นวันนี้ การกล่าวโทษ “สมโภชน์ อาหุนัย”และพวก  ต่อDSI และส่งเรื่อง ปปง. พบทุจริตจัดซื้อจัดจ้างมูลค่า 3,466 ล้านบาท จนต้องยุติบทบาทผู้บริหารบจ. ไปต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

          ความอลหม่านที่เกิดขึ้นกระทบราคาหุ้นชัดเจน แต่ผลเชื่อมโยงในด้านอื่นตามมาจนทำให้ความกังขาต่อตลาดหุ้นไทยไม่หมดไปได้เลย  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์