มูลค่าดัชนี S&P 500 พุ่งแตะ 18 ล้านล้านดอลลาร์ หลังทำนิวไฮครั้งที่ 38 ของปีนี้
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,667 จุด ทำนิวไฮใหม่เป็นครั้งที่ 38 ของปีนี้ ดันมูลค่าพุ่งแตะ 18 ล้านล้านดอลลาร์ ได้แรงหนุนหุ้นขนาดเล็กฟื้นตัว นักวิเคราะห์เตือน ระวังหุ้นเทค-หุ้นเล็กกอดคอร่วงกระทบตลาด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,667 จุดทำนิวไฮใหม่เป็นครั้งที่ 38 ของปีนี้ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้มูลค่าของ S&P 500 พุ่งแตะ 18 ล้านล้านดอลลาร์ในทันที
ดัชนีดาวน์โจนส์ เพิ่มขึ้น 1.85% ขณะที่ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีที่วัดผลตอบแทนของหุ้นขนาดเล็ก 2,000 บริษัทในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.5% ส่งผลให้เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 วัน นับตั้งแต่ปี 2563 ส่วนดัชนี Nasdaq 100 แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลง 7 จุดฐาน เหลือ 4.16% และราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 Equal Weight ซึ่งเป็นดัชนีที่ให้น้ำหนักเท่าเทียมกันกับหุ้นทุกตัวใน S&P 500 (ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก) ยังมีผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนี S&P 500 ปกติ การที่ดัชนี S&P 500 Equal Weight มีผลตอบแทนที่ดีกว่าชี้ให้เห็นว่า แม้หุ้นขนาดใหญ่จะยังคงมีราคาสูงขึ้น แต่หุ้นขนาดเล็กก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะเติบโตตามไปด้วย สิ่งนี้เป็นสัญญาณเชิงบวกบ่งชี้การฟื้นตัวของตลาดหุ้นที่อาจเติบโตขึ้น
โซลิตา มาร์เชลลี จากยูบีเอสโกลบอลเวลเมเนจเมนท์มองว่า หากธนาคารกลางสหรัฐสามารถลดอัตราดอกเบี้ยโดยที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อโอกาสที่บริษัทในกลุ่มหุ้นคุณภาพต่ำและหุ้นที่ราคาขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจจะกลับมามีกำไรเติบโตอีกครั้ง
แมตต์ มาลีย์ จากมิลเลอร์ทาบัคกล่าวว่า ดัชนีได้ขึ้นไปถึงระดับ overbought หรือ "ซื้อมากเกินไป" ในตลาดการเงิน ซึ่งบ่งบอกถึงสัญญาณว่า ราคาของสินทรัพย์นั้น อาจจะปรับตัวสูงขึ้นจน "แพงเกินไป" แล้ว โดยตามสถิติในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลังจากนี้มักจะตามมาด้วยการปรับตัวลดลง
"ดังนั้น นี่อาจเป็นสัญญาณว่าหุ้นขนาดเล็กกำลังจะพักตัวในระยะสั้น ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีกำลังออกจากภาวะ overbought ดังนั้นหากทั้งหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นขนาดเล็กปรับตัวลดลงพร้อมกัน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อตลาดโดยรวม”
อ้างอิง Bloomberg