เก็งหุ้นไตรมาส 2/67 กำไรสวย "อาหาร-เครื่องดื่ม" แววเด่น
“บล.ลิเบอเรเตอร์” คาดกลุ่ม “อาหาร-เครื่องดื่ม” แนวโน้มงบ Q2/67 แรง ราคาวัตถุดิบคุมได้ ส่วน “สื่อสาร/ค้าปลีก” แม้เป็น Low Season แต่ยังส่อผลงานดีขึ้น YoY “บล.บัวหลวง” มอง“ยานยนต์/อสังหา”อาจกำไรอ่อนแอ ขณะที่ “การเงิน” เสี่ยงหนี้เพิ่ม “บล.หยวนต้า” ชี้ตลาดจะโฟกัสเก็งกำไรงบ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีโอกาสทยอยประกาศงบไตรมาส 2/2567 ออกมาดี กลุ่มที่น่าสนใจที่สุดคือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจะดีกว่าทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกและเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยในส่วนของธุรกิจอาหารมีภาพของการพลิกฟื้นราคาเนื้อสัตว์ต่างๆ จากไตรมาสแรกของปีที่ราคาตกต่ำ ในขณะที่ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบอาหารต่างอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ดังนั้นผลประกอบการจึงน่าจะดีขึ้นทั้งเมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก หุ้นที่แนะนำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF
สำหรับธุรกิจเครื่องดื่มโดยปกติในไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็นช่วง High Season อยู่แล้ว หลายบริษัทในกลุ่มยอดขายขยายตัวชัดเจน หุ้นที่แนะนำ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ภาพรวมไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่ยังมีบางธุรกิจมีโอกาสกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ได้แก่ กลุ่มสื่อสารที่สภาวะการแข่งขันเบาบางลง ยอดรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายเพิ่มขึ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และกลุ่มค้าปลีกที่ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาเพิ่มขึ้นชัดเจน หุ้นที่แนะนำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
บล.บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทยเชิงพื้นฐาน คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 ในภาพรวมเติบโต 27% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 2% เทียบกับไตรมาสแรกของปี โดยเศรษฐกิจในประเทศยังเติบโตต่อ อีกทั้งยังได้ Inventory Gain ของกลุ่มน้ำมัน บวกกับราคาเนื้อสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศฟื้นสนับสนุนกำไร
ถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษ และไม่รวมกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี กำไรหลักของกลุ่มที่เหลือคาดออกมาเติบโต 11% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และ 4% เทียบกับไตรมาสแรกของปีแบ่งออกเป็นดังนี้
1.กลุ่มที่น่าจะเห็นกำไรหลักไตรมาส 2/2567 เติบโตเด่นเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่
1.1.กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม (ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวขึ้น, ความต้องการเครื่องดื่มทั้ง Functional และ Energy Drinks รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงยังโตดี), 1.2. กลุ่ม ICT (ดีขึ้นทั้งจากรายได้มือถือและบริการอินเทอร์เน็ตบ้าน), 1.3.กลุ่มขนส่งสาธารณะ (Traffic ที่เพิ่มขึ้น), 1.4.กลุ่มโรงไฟฟ้า (ราคาต้นทุนแก๊ส/ถ่านหินของกลุ่ม SPP ลดลง และมีกำลังผลิตใหม่ของกลุ่ม IPP) และ 1.5.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ยอดโอนเพิ่มขึ้น, ราคาขายที่ดินเพิ่มขึ้น)
2.กลุ่มที่กำไรน่าจะยังอ่อนแอ ยังคงเป็นกลุ่มยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ 3.กลุ่มที่ยังต้องระมัดระวัง คือ กลุ่มการเงินจากความเสี่ยงหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้นต่อ (อาจจะยังไม่จบ)
หากแยกออกมาเป็นรายหุ้นที่กำไรคาดโตโดดเด่นแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC, กลุ่มนิคม บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, กลุ่มโรงไฟฟ้า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, กลุ่มค้าปลีก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และกลุ่ม ICT บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH
และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดตลาดจะกลับมาโฟกัสที่การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ปัจจัยมหภาคที่เบาบางในช่วงปลายสัปดาห์ จึงประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเฉพาะตัวคือการเก็งกำไรการรายงานผลประกอบการ
กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดผลประกอบการโดดเด่นที่แนะนำเข้าเก็งกำไรได้แก่ กลุ่มการแพทย์, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม และกลุ่มสินค้าเกษตร