หุ้น KKP ร่วง 7.32% 'โบรก'ปรับประมาณกำไรลง หลังงบไตรมาส 2/67 ต่ำคาด
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 23 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น. เปิดตลาด หุ้น KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วงกว่า 7.32% หรือราคาลดลง 3.32 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 38.00 บาท หลังจากที่ "นักวิเคราะห์" ปรับประมาณการกำไรลง
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ได้มีการปรับประมาณการกำไรลงทุน หลังจากที่ผลประกอบการล่าสุดออกมาไม่ค่อยดี หรือแย่สุดในกลุ่มธนาคารจากสินเชื่อที่ยังโตในระดับค่อนข้างต่ำ และเริ่มเห็นการเสื่อมลงของคุณภาพสินทรัพย์ ส่งผลให้ภาพรวมเรื่อง Credit Cost ยังคงมีแนวโน้มที่อาจยังอยู่ในระดับสูงตามภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังค่อนข้างอ่อนแอ และได้มีการขยับประมาณการกำไรหุ้น KKP ลง ทั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Underweight
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้มีการปรับราคาเป้าหมายเหลือ 45 บาท โดยอิง P/BV ปี 67 ที่ 0.6 เท่า ROE 8.7% จาก 58 บาท หลังจากปรับลดประมาณการกำไรปี 67-68 ลง 28% เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการ 2Q67 ที่อ่อนแอและการปรับเป้าหมายทางการเงินปี 67 ใหม่แม้คาดว่า ผลขาดทุนจากยอดขายรถยนต์จะลดลงใน 2H67 แต่ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ หรือ Credit cost และ NPL ratio น่าจะยังอยู่ในระดับสูงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้า
โดยหุ้น KKP ซื้อขายที่ PER ปี 67 ที่ 8 เท่า แต่ไม่เห็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ขณะที่หุุ้น TTB มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่า พร้อมเงินปันผลและแนวโน้ม ROE ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา CEO อธิบายว่ากำไรไตรมาส 2/67 ที่อ่อนแอ (ลดลง 45% YoY เป็น 769 ล้านบาท) มีสาเหตุหลักมาจาก credit cost ที่สูงขึ้น NIM ที่ลดลงและค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนที่อ่อนแอ
ขณะที่อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 17bps QoQ เป็น 3.96% นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อ SME ส่วน NPL coverage ทรงตัว QoQ ที่ 136% โดยธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติม 300 ล้านบาท เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ SME ที่แย่ลง
ส่วนในแง่บวก ผลขาดทุนจากยอดขายรถยนต์ยึดลดลงเหลือ 47% ในไตรมาส 2/67 จาก 52% ในไตรมาส 1/67 ซึ่งคาดว่า ผลขาดทุนจากการขายรถยนต์จะลดลงใน 2H67 และปี 68 เนื่องจากการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น KKP ปรับเป้าหมายทางการเงินปี 67 ใหม่ CEO ได้ปรับเป้าหมายทางการเงินปี 67 ใหม่ โดยให้สินเชื่อเติบโต -3% (จาก +3%) ส่วนต่างสินเชื่อ 4.8% (จาก 5.0%) อัตราส่วน NPL 3.9-4.1% (จาก 3.5-3.7%) และ RoE 8-9% (จาก 10 -11%) ขณะที่ยังคงเป้าหมาย credit cost (รวมผลขาดทุนจากการขายรถยนต์ยึด) ไว้ที่ 2.5-2.7% สำหรับปีนี้เทียบกับ 2.5% ใน 1H67
ทั้งนี้ KKP ไม่มีความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ EA ไม่มีคำแนะนำและไม่มีผลกระทบด้านลบต่อธุรกิจหลักทรัพย์เช่น บัญชีมาร์จิ้นและบล็อกเทรด
ส่วนแนวโน้มในอนาคต ปริมาณสินเชื่อมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากธนาคารได้ปรับมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อให้เข้มงวดขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ลดประมาณการกำไรปี 67-68 ลง เนื่องจาก credit cost ที่สูงขึ้น โดยปรับลดประมาณการกกไรสุทธิปี 67-68 ลง 28% หลังจากลดคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อ การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและเพิ่มสมมติฐาน credit cost เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการ 2Q67 และเป้าหมายทางการเงินใหม่ของปี 67
โดยคาดว่า กำไรจะลดลง 20% YoY เนื่องจาก NIM ที่ลดลงและการเติบโตของรายได้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอในปี 67 นอกจากนี้เรายังคาดว่าค่าธรรมเนียมการประกันผ่านธนาคารและค่านายหน้าจะอ่อนแอเนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ชะลอตัวและสภาวะตลาดทุนที่อ่อนแอเราประเมิน ROE น่าจะลดลงเหลือ7.1-7.6% ในปี 67-68 จาก 9.2% ในปี 66