ไอพีโอ NCP เข้าเทรด 31 ก.ค. 67 เปิดงบ Q1/67 กำไร 2.7 ล้าน โต 10%
บมจ. ไนซ์ คอล (NCP) เข้าซื้อขายวันแรกในกระดาน mai วันที่ 31 ก.ค. นี้ ด้วยราคาไอพีโอ 2 บาท เงินระดมทุนที่ได้นำไปสร้างอาคารรองรับขยายพนักงานขาย เปิดงบ Q1/67 กำไร 2.7 ล้านบาท โต 10.48% เพราะเน้นขายสินค้าแบรนด์ตนเองมากขึ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. ไนซ์ คอล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า NCP ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
NCP ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า และให้บริการทำการตลาดแบบตรงผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 90 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 130 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น
โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 46.25 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 2.75 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 1.00 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 19, 23-24 กรกฎาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 100 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 360 ล้านบาท ทั้งนี้
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 28.14 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม
นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไนซ์ คอล เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนแบ่งเป็น 30 ล้านบาทจะนำไปก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ขยายจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ คาดดำเนินก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2568, 10 ล้านบาท ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำภายในสิ้นปี 2569, 5 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน และ 55 ล้านบาทใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
NCP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายศรัณย์ เวชสุภาพร ถือหุ้นร้อยละ 50.56 นายนพพล ชูกลิ่น ถือหุ้นร้อยละ 18.05 นายเอนก อึ้งตระกูล ถือหุ้นร้อยละ 3.61 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินบริษัทภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 2.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.48% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ 2.48 ล้านบาท โดยการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าแบรนด์ของบริษัท (House brand) มากขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 0.021 บาท จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ 0.027 บาท