SCCC งบ Q2/67 กำไร 873 ล้าน เพิ่ม 33% ตลาด "เวียดนามใต้-ศรีลังกา" หนุนผลงาน
"ปูนซีเมนต์นครหลวง" งบ Q2/67 กำไร 873 ล้าน เพิ่ม 33% ตลาดในประเทศต้นทุนลดแต่ยอดขายหด 4% ผลพวงงบรัฐล่าช้า ส่วนยอดขายที่เวียดนามเพิ่มแรงหลังตลาดฟื้น อีกทั้งศรีลังกายอดกระเตื้องภายใต้ต้นทุนที่ลดลงชัด
นายรานจัน ซาซเดอวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานการเงิน บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 873.88 ล้านบาท รวม 6 เดือนแรกปี 2567 เท่ากับ 2,035.00 ล้านบาท
กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนเช่นกัน เป็นผลมาจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในศรีลังกาและเวียดนามที่ดีขึ้น ประกอบกับต้นทุนโดยรวมของกลุ่มบริษัทที่ลดลง
ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ากำไรสุทธิลดลง 25% เนื่องจากกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาลดลงและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะในบังกลาเทศและศรีลังกา อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิก่อนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเพียง 9% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนรายได้จากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น อีกทั้งรายได้จากกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น
ทั้งนี้รายได้รวมไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ราว 9,923 ล้านบาท แบ่งเป็นมาจากรายได้กลุ่มบริษัทในประเทศไทย 70%, เวียดนาม 16%, ศรีลังกา 11% และ บังกลาเทศ 3%
สถานการณ์ธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ต้นทุนโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการปรับโครงสร้างที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและไฟฟ้าลดลง ประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้น อัตราการทดแทนความร้อนเพิ่มขึ้น และอัตราการใช้ปูนเม็ดลดลง ส่งผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตลาดปูนซีเมนต์ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าซึ่งได้รับอนุมัติในช่วงปลายเดือนเมษายน ปี 2567 โดยยังไม่ได้รับการจัดสรรให้กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ประกอบกับอุปสงค์ในตลาดค้าปลีกที่อ่อนแอ กำลังซื้ออยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องจากหนี้สินครัวเรือนที่สูง และการแข่งขันด้านราคาเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาด ส่งผลให้รายได้จากการขายสุทธิลดลง 4%จากไตรมาสก่อน
ในส่วนประเทศเวียดนามตอนใต้ กำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 67% จากปีก่อนโดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดที่ค่อยเป็นค่อยไป มาตรการประหยัดต้นทุน ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงอัตราการทดแทนความร้อนที่เพิ่มขึ้นเป็น และการใช้ปูนเม็ดลดลง ทั้งนี้รายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 52% จากไตรมาสก่อนเนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานและกลยุทธ์การเจาะตลาดของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
และประเทศศรีลังกา ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นและต้นทุนคงที่ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญส่งผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 172% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากการขาดทุนในปีที่แล้วแม้ว่ารายได้จากการขายสุทธิจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ก็ตาม