หุ้นไทยภาคบ่ายดิ่งหนัก 38 จุด ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หุ้นยุโรปเปิดร่วง 3% กังวล ศก.สหรัฐถดถอย
หุ้นไทยภาคบ่ายดิ่งหนัก 38 จุด ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หุ้นยุโรปเปิดร่วง 3% กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย "นักวิเคราะห์" แนะ ชะลอการลงทุนรอความชัดเจน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย ณ วันที่ 5 ส.ค.2567 เวลา 14.50 น. หุ้นไทยยังคงปรับตัวลงแรงอย่างต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยปรับตัวลงมาล่าสุด 38.35 จุด หรือปรับตัวลง 2.92% หรืออยู่ที่ 1,274.73 จุด หลังจากที่ช่วงบ่ายตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดร่วงลง 3% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ Recession
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดมีความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่กลัวว่าจะเข้าสู่ภาวะ Recession ซึ่งก่อนหน้านี้มีความผิดปกติ Inverted Yield Curve ของพันธบัตรสหรัฐ รวมถึงตัวเลขแรงงานสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่อนข้างมีสัญญาณชะลอตัว โดยอัตราการว่างงานชะลอตัว 4.3% แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.1% ขณะที่การจ้างงานภาคการเกษตรขึ้นต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จึงทำให้ตลาดกังวลเรื่องของ Recession อีกรอบ
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐมีการปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และอาจมีจังหวะการเทขายออกมาเพื่อทำกำไรถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ต้องติดตามต่อคือ สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะ Hard Landing หรือ ภาวะ Recession จริงหรือไม่ นักลงทุนยังคงเฝ้าติดตาม ซึ่งขณะที่ตลาดมีความหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% จากช่วงแรกมองไว้แค่ 0.25% เท่านั้น ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ปกคลุมอยู่
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเปิดมาช่วงบ่ายลงแรง ที่ 2-3% โดยเฉพาะตลาดหุ้นฝรั่งเศล และตลาดหุ้นเยอรมนีลบอยู่ที่ประมาณ 3% ตามตลาดหุ้นสหรัฐ จึงเป็นตัวกดดันให้ตลาดหุ้นไทยในภาคบ่าย ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลงมาแรงเช่นกันประมาณ 13-14%
ทั้งนี้ ในอดีตจากตัวเลขสถิติเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ Recession ส่วนใหญ่จะไม่นานอยู่ประมาณ 1 ปีก็สามารถจบไปได้ และเชื่อว่าในรอบนี้หากมีวิกฤติแรง ๆ ธนาคารกลางสหรัฐก็ต้องมีการออกมาตรการออกมา และหุ้นก็จะสามารถกลับมาได้ เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่จะออกมาแอคชั่นมาก เนื่องจากเฟดเพิ่งจะมีการประชุมไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในส่วนของหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งตลาดยังถูกประโคมไปด้วยความกลัว ซึ่งถือว่าหุ้นไทยค่อนข้างถูก แต่อาจจะถูกลงได้อีก จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ยังไม่เอื้อให้ลงทุนในแง่เซนทิเมนต์ ซึ่งอาจจะต้องรอความชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐก่อน หากมีการออกมาพูดให้ตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นก็จะสามารถกลับมาได้ แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่น่าจะกลับตัวได้ในเร็วๆ นี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์