แวลูหุ้น SCC วูบ 4 แสนล้าน ปิโตรเคมีกดดันทั้งปี 67

หุ้นสุดตรองที่กองทุนมักมีประจำพอร์ตการลงทุนจากความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผลทั้งระหว่างกาล และรอบปีเผชิญแรงขายหนักต่อเนื่อง จากราคาหุ้นเคยแตะราคาสูงสุดปี 2558 ที่ 554 บาท ด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคป 6.64 แสนล้านบาท ล่าสุด (8 ส.ค.2567) ราคาหุ้นปิดที่ 199.50 บาท ลดลง 0.75% ด้วยมาร์เก็ตแคป 2.41 แสนล้านบาท

มูลค่าหุ้นที่วูบหายไปถูกผลกระทบด้านเศรษฐกิจตามโครงสร้างธุรกิจที่อิงกับอุตสาหกรรมหนัก และเป็นสินค้าคอมมูนิตี้ที่มีความผันผวนทำให้ต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจที่เติบโตดีหรือมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน

หลังจากปี 2562 สำหรับ 3 ธุรกิจหลัก SCC ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้พร้อมกัน “กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีเป็นพอร์ตใหญ่” ตามโครงสร้างธุรกิจได้รับผลกระทบหนักมาโดยตลอด เมื่อเทียบกับธุรกิจซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ที่เห็นการฟื้นตัวตามลำดับ

โดยงวดไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ประกาศออกมารายได้อยู่ที่ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3 % กำไรสุทธิ 3,707 ล้านบาท ลดลง 54.15 % และในงวด 6 เดือนแรกของปีมีรายได้ 252,461 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 6,132  ล้านบาท ลดลง 75.08 %

 

บริษัทระบุ "ธุรกิจปิโตรเคมียังได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ยังคงอ่อนตัว"  โดยมีสาเหตุจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว รวมทั้งอุปทานในตลาดที่ลดลงในช่วงหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตส่งผลให้ราคาปิโตรเคมียังคงทรงตัว 

ครึ่งปีแรก 2567 เฉพาะ “เอสซีจี เคมิคอลส์” หรือ SCGC มีรายได้จากการขาย 97,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ EBITDA 4,387 ล้านบาท ลดลง 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการพลิกขาดทุน 3,107 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 2,097 ล้านบาท เป็นการลดลง 5,204 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาขายที่ลดลง

ทิศทางที่เหลือปี 2567 บริษัทยังต้องปรับเป้าหมายรายได้ปีจากเดิมคาดว่าโต 20% จากปีก่อน เหลือโต 10% โฟกัสที่ SCGC ยังอ่อนตัวตามดีมานด์ที่ลดลงเกิด Oversupply ในตลาด และต้นทุนราคาน้ำมันไม่ลดลงจากความไม่แน่นอนในตลาดโลก กดดันการดำเนินงาน

“สุรชัย ประมวลเจริญกิจ” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มุมมองต่อราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงรอบนี้มาจาก ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลักและเป็นพอร์ตใหญ่ของธุรกิจที่เผชิญขาดทุนจากราคาตลาดโลก spread ลงไปต่ำกว่าจุดคุ้มทุน 400 ดอลลาร์ และยังมีผลกระทบจากธุรกิจในเวียดนามจึงทำให้มีผลลากยาวมาตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2566 จนถึงทั้งปี 2567

ด้านบริษัทมีการปรับโครงสร้าง – ลดต้นทุน และออกผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงแต่ยังต้องใช้เวลา และยังไม่เห็นผลในเร็วนี้ จึงทำให้ยังเป็นธุรกิจที่เหนื่อยมากสำหรับ SCC ซึ่งได้มีการ ปรับประมาณกำไรมาแล้วจากปัจจุบันได้ทำราคามูลค่าพื้นฐานเอาไว้ที่ 240 บาท หากจะปรับลงอีกต้องรอประเมินในช่วงไตรมาส 3 ประกอบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์