SHR ลั่นรายได้ครึ่งหลังโต ท่องเที่ยวหนุน-ไฮซีซันธุรกิจโรงแรม
SHR คาดรายได้ครึ่งหลังปี 67 โตกว่าครึ่งแรก อานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นเด่น-ไฮซีซันธุรกิจโรงแรม “ไทย-มัลดีฟส์-ฟิจิ” วางเป้ารายได้ห้องพักปีนี้เพิ่ม 10-15% ตั้งงบลงทุน 5 ปี มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เล็งหาดีล M&A เพิ่ม “บล.บัวหลวง” คาดกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวไตรมาส 3/67 โต 30%
นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทยังคงเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ทั้งกลุ่มเติบโต 10-15% เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทั้งจากมัลดีฟส์ หมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส ซึ่งมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามากกว่าช่วงก่อนปีโควิด-19 แล้ว และการตอบรับที่ดีของโรงแรมในสหราชอาณาจักรและไทย ผลจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และมาตรการฟรีวีซ่า ขณะที่เงินเฟ้อลดลงอย่างชัดเจน ช่วยคลายกังวล นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ดีขึ้น
ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดดีกว่าครึ่งแรก เพราะเป็นช่วงไฮซีซันธุรกิจโรงแรมในหลายๆ แห่ง โดยโรงแรมในไทย ไตรมาส 3 ปี 2567 อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) น่าจะเพิ่มขึ้นจากการกลับมาท่องเที่ยวของเกาะสมุย เข้าไฮซีซั่น หนุนอัตราการเข้าพัก (Occupancy rate) เพิ่มขึ้น ขณะที่ SAii Laguna Phuket (ทราย ลากูน่า ภูเก็ต) กำลังอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง แต่คาดว่าน่าจะเปิดได้บางส่วนเร็วขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ ถือว่าแร็วกว่าแผนเดิม คาดเสร็จในธ.ค.นี้
ส่วนของโรงแรมในมัลดีฟส์เดือนก.ค. แนวโน้มดีขึ้นและคาดปีนี้นักท่องเที่ยวแตะ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น Double Digits เทียบกับปีก่อนหน้า คาด OCC จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันท่องเที่ยวของมัลดีลฟ์ แม้ว่า ADR จะทรงตัวแต่มีการบริหารการตลาดที่ดีด้วย
สำหรับโรงแรมในฟิจิ ยังคงเติบโตดีต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่การเติบโตสูงสุดของปี หนุน OCC และ ADR เพิ่มขึ้นชัดเจน ขณะเดียวกันในสาธารณรัฐมอริเชียส ยังเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2567 และในสหราชอาณาจักร แนวโน้ม ADR ยังเพิ่มขึ้น แม้จะมีการขายสินทรัพย์ออกไป พร้อมมุ่งสร้างแบรนด์ SAII บริษัทมีแผนพัฒนาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับแขกผู้เข้าพัก และเน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) รวมถึงเน้นดูแลด้านสุขภาพ (Healthy & Wellness) มากขึ้น
นายอิศรินทร์ กล่าวว่า ด้านแผนลงทุนปีนี้เตรียมงบ 1,000 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงโรงแรมและห้องพักให้ทันสมัย ส่วนใหญ่ใช้ปรับปรุง SAii Laguna Phuket และใช้ปรับปรุงโรงแรมในสหราชอาณาจักร (UK) จากวางงบลงทุนช่วง 5 ปี (ปี 2567-2571) รวมทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจ หาพาร์ตเนอร์ และควบรวมกิจการ (M&A) รวมถึงยังมองหาการรับจ้างบริหารโรงแรมนอกกลุ่ม
นางสาวเกวลี ทองสมอางค์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง กล่าวว่า คาดการณ์กำไรรวมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโต 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เติบโต 18% จากไตรมาส 2 ปี 2567 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้จะเป็นช่วงโลซีซันท่องเที่ยว แต่เป็นโอกาสโดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค.-ส.ค. ช่วงปิดภาคเรียนจีน ประกอบกับรายได้จากอัตราห้องพักเฉลี่ยต่อห้องที่สูงขึ้น และโรงแรมใหม่ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมแนะนำ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) มากที่สุด และคาดกำไรหลักแข็งแกร่งที่ 3,200 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียกันปีก่อน ได้แรงหนุนจากช่วงไฮซีซันท่องเที่ยวในยุโรป และอัตราเข้าพักของโรงแรม NH ในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปนจะเพิ่มขึ้น ด้วยแรงหนุนจากงานอีเวนต์ด้านกีฬาและคอนเสิร์ตสำคัญระดับโลก
รวมถึงจากรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยโดยรวมของ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) ยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 8% ในไตรมาส 2 ปีนี้ จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2567 หนุนโดยอัตราห้องพักเฉลี่ยต่อห้อง คาดโรงแรม HOP INN ของ ERW ในเมืองรองจะคิดเป็น 5% ของรายได้รวม และคาด บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) จะบันทึกต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 2567 มองว่ามูลค่าเทรดของ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ (AWC) แพงที่สุดในกลุุ่ม