MK เพิ่มทุนระดมเงิน 909 ล้าน ขายผู้ถือหุ้นเดิมแบบ PPO สัดส่วน 3 ต่อ 1 ที่ 2.50 บาท
"มั่นคงเคหะการ" กำหนดประชุมผู้ถือหุ้น 25 ต.ค. 67 วาระสำคัญขออนุมัติเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิมอัตรา 3 ต่อ 1 ที่ 2.50 บาทโดยไม่จัดสรรในเงื่อนไขต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ หวังได้เงิน 909 ล้านมาเพิ่มสภาพคล่อง ลงทุนอาคารโรงงาน-คลัง และชำระหุ้นกู้ เปิดจอง 22-28 พ.ย. 67
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการประชุมกรรมการบริษัทครั้่งที่ 9/2567 ซึ่งประชุมเมื่อ 2 กันยายน 2567 มีมติสำคัญได้แก่
อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน หลังจากนั้นจะพิจารณาเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 363,735,022 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,091,205,066 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,454,940,088 บาท
โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 363,735,022 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 363,735,022 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Offering: PPO)
ที่ประชุมกรรมการยังอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 363,735,022 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Offening: PPO) ในอัตราการจองซื้อ 3 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ (3 : 1) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท
ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถแสดงความจำนงจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นได้ (Oversubscripion) แต่จะได้รับจัดสรรหุ้นที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิก็ต่อเมื่อมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้จองซื้อตามสิทธิครบถ้วนทั้งหมดแล้ว
โดยบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจากการที่ผู้ถือหุ้นไม่ใช้สิทธิจองซื้อให้แก่ผู้ถือหุ้นที่แสดงความจำนงจะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิ ตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมแต่ละรายที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิดังกล่าว จนกระทั่งไม่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรร หรือจนกว่าจะไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวอีกต่อไป
และหากยังมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Offening: PPO) ข้างต้นแล้วให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้พิจารณาเสนอขายหุ้นที่เหลือดังกล่าวต่อบุคคลในวงจำกัด (Pivate Placement) ในราคาเสนอขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม
บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินเพิ่มทุนในครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 909,337,555 บาท โดยวัตถุประสงค์ในการใช้เงินเพิ่มทุนมีดังนี้
การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นซึ่งบริษัทสามารถนำไปลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าประเภทอาคารโรงงานและคลังสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกทั้งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน
บริษัทยังสามารถนำกระแสเงินสดที่เหลือไปชำระคืนหุ้นหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อลดภาระหนี้สินและภาระดอกเบี้ยของบริษัท โดยเงินที่ได้รับจากการเพิ่มจะช่วยทำให้บริษัทมีสภาพคล่อง มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอเพื่อนำไปใช้สนับสนุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
หากการเพิ่มทุนดังกล่าวสำเร็จ จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงเหลือ 2.56 เท่า จากงบแสดงฐานะการเงินรวมของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่ากับ 3.02 เท่า
ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติกำหนดให้วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 22 และ 25 - 28 พฤศจิกายน 2567 (5 วันทำการ)
อย่างไรก็ตาม การกำหนดสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมถึงกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 18 กันยายน 2567 (Record Date) กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567