NDR รายงานขายเพิ่มทุนให้ บจ.มาเลย์ ได้เงินแล้ว 99 ล้าน
"เอ็น.ดี. รับเบอร์" ขายเพิ่มทุนให้ EG Industries Berhad รอบแรกได้เงินแล้ว 99 ล้านบาท เหลือส่วนที่จัดสรรคราวต่อไปได้อีก 55 ล้านหุ้นภายใน ก.ย. 67 พร้อมกันนี้เผยตั้งบริษัทย่อยรุกอิเล็กทรอนิกส์เป็น Testing Center อุปกรณ์ 5G คาดเริ่มสร้างรายได้ปี 68
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยรายงานผลการขายหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด ว่า บริษัทได้กำหนดจัดสรร 55,000,000 หุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้แก่ EG Industries Berhad มีวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค. 2567 ถึง 31 ส.ค. 2567 ที่ราคาหุ้นละ 1.80 บาท
ผลการขายจัดสรรได้ 55,000,000 หุ้น คิดเป็นเงินรับรวม 99,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือหุ้นรอการจัดสรรอีก 55,000,000 หุ้น อ้างอิงมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567
มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 110,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด ได้แก่ EG Industries Berhad
โดยบริษัทจะดำเนินการเสนอขายและจัดสรรหุ้นสามัญดังกล่าวหลายคราวซึ่งบริษัทจะดำเนินการเสนอขายเสร็จสิ้น ภายใน กันยายน 2567
EG Industries Berhad เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้มาจากการเข้าลงทุนธุรกิจและบริการเกี่ยวกับอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ NDR ยังเปิดเผยว่า ว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็กซ์โทรนิค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ทำธุรกิจ 5G โดย NDR ถือหุ้น 99.99%
โดยบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม 304 ตำบลท่าตูม อำเภอศรมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี มีทุนจดทะเบียน 66 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 660,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาทเพื่อเป็น Testing Center ให้กับอุปกรณ์ระบบ 5G โดยคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2568
“เราได้เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทย่อยจะเป็น Testing Center จะเข้ามาเสริมสร้างรายได้และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามธุรกิจหลักของเรายังคงโฟกัสการเป็นผู้ผลิตยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์เป็นหลัก”