‘หุ้นรับเหมา’จ่อรับผลบวกเก็งชิงเค้กเมกะโปรเจกต์รัฐ

‘หุ้นรับเหมา’จ่อรับผลบวกเก็งชิงเค้กเมกะโปรเจกต์รัฐ

โบรกฯ ยก “3 หุ้นกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง” รายใหญ่ไทย “STEC-CK-ITD” จ่อรับผลเชิงบวก 3 เมกะโปรเจกต์ ที่รัฐบาลกำลังจะเนรมิตทั้งโครงการ “แลนด์บริดจ์-เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-ถมทะเลบางขุนเทียน” หวังกระตุ้น “เศรษฐกิจ” และผลักดัน “จีดีพีไทย” ขยายตัวโดดเด่นระยะกลาง-ยาว

ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ “การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ” ถือเป็นกุญแจสร้างการเติบโตให้กับ “อุตสาหกรรมรับเหมา-ก่อสร้าง” ดังนั้น เมื่อรัฐบาลใหม่กำลังจะเนรมิต “3 อภิมหาโปรเจกต์” ทั้ง “แลนด์บริดจ์-เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-ถมทะเลบางขุนเทียน

หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่พร้อมรับงานดังกล่าว คงต้องยกให้ “3 ผู้รับเหมา-ก่อสร้าง” รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อย่าง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เนื่องจากเป็นกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้างรายใหญ่ของไทย ที่มีความพร้อมเข้า “ประมูลรับงาน” และ “ศักยภาพ” ในการบริหารงานก่อสร้างขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า โครงการแลนด์บริดจ์ แม้อาจเคยมีการศึกษาระบุว่า การลงทุนอาจ “ไม่คุ้มค่า” เชื่อว่าโครงการข้างต้นเป็น “บวก” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งโดยทำให้สินค้าสามารถเดินทางได้รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนการขนส่ง อีกทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวจากการเชื่อมโยงสถานที่ต่างๆ และกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ดังนั้น มองเป็นบวกกับ “หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม” และ “หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง” ได้แก่ CK, STEC, ITD

ด้าน โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment complex) มองว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเนื่องจากธุรกิจนอกระบบมีสัดส่วนมูลค่าที่สูง หากสามารถนำเข้ามาสู่ระบบได้จะเป็นการสร้างแหล่งรายได้ทางภาษีให้กับรัฐบาล

ส่วนของโครงการถมทะเลบางขุนเทียน มองว่า โครงการนี้มีประโยชน์มากทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน เนื่องจากช่วยป้องกันน้ำท่วม ป้องกันความเสี่ยง การกัดเซาะและฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่ง การทำโครงการนี้จะเป็นการแก้น้ำแล้งและน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ ดังนั้น ยังคงมองเป็น “บวก” กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, STEC ,ITD

เมกะโปรเจกต์ ดัน “จีดีพี” กลับมาโต 4-5% รอบ 10 ปี

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์-เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และถมทะเลบางขุนเทียน นับว่าเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐบาล เป็นบวกกับ จีดีพีได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นโครงการลงทุนในระยะยาว ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงมาก

โดยในช่วงที่ประเทศไทยมีการลงทุนเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ จะสร้างการเติบโตของจีดีพีได้ในระดับ 4-5% (YoY) สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่โตเพียง 2.5% ต่อปี ขณะที่กลุ่มหุ้นที่ไหนประโยชน์มอง “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง” น่าสนใจ ได้แก่ CK , STEC

“บล.บัวหลวง” มอง 3 เมกะโปรเจกต์รับผลบวกกลาง-ยาว

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า สำหรับแผนการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลชุดใหม่ไม่ว่าจะเป็น โครงการแลนด์บริดจ์ , โครงการถมทะเลบางขุนเทียน และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หากมีโปรเจกต์เหล่านี้ มองเป็นบวกกับภาพรวมระยะกลาง-ยาว ซึ่งโปรเจกต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มองว่ามีประโยชน์มากสุด รองลงมาเป็นโครงการแลนด์บริดจ์ ส่วนโครงการถมทะเลบางขุนเทียน ตอนนี้ยังไม่ใจว่าจะสามารถเกิดได้จริงหรือไม่ เนื่องจากยังคงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องถล่มและยังคงมีพื้นที่ในการพัฒนาได้อยู่ จึงให้น้ำหนักที่จะได้รับประโยชน์ค่อนข้างน้อย

ขณะที่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หากเกิดขึ้นส่งผลดีต่อภาคของการท่องเที่ยวแน่นอน โดยกลุ่มที่ได้รับประโยชน์กลุ่มแรกคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างรวมถึงกลุ่มวางระบบก่อสร้าง ตามมาด้วยกลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มชอปปิ้งมอลล์ สนามบิน และกลุ่มสปา โดยมองว่าโครงการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายสุดและชัดมากที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยการท่องเที่ยวได้ด้วย

ขณะที่ “ข้อเสีย” ในเรื่องของความเสี่ยงในการบริหารขัดการมากกว่า หากเทียบกับต่างประเทศในมาเก๊าที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ถือว่าค่อนข้างดี แต่สิ่งที่มาเก๊าตั้งกฎไว้ให้กับคนในประเทศแบบมีข้อจำกัด

ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ ในรายละเอียดยังคงต้องดูว่า โดยรอบโครงการอื่นด้วยหรือไม่ โดยการมีนิคมอุตสาหกรรม และมีการผลิตในส่วนบริเวณดังกล่าวก็จะทำให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น แต่ทว่าเป็นการตัดทางเพื่อเป็นการผ่านเท่านั้นอาจจะยังไม่ได้รับประโยชน์มากนัก โดยเซกเตอร์ที่จะได้รับประโยชน์ยังคงเป็นกลุ่มรับเหมาทั้งกลุ่มทั้งหุ้นตัวใหญ่และหุ้นตัวเล็กเนื่องจากโครงการใหญ่มาก

“เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” น่าจะเกิดขึ้นได้มากสุด

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า การประเมินความคุ้มค่าของโครงการเมกกะโปรเจกต์ของรัฐบาลจะมีหน่วยงาน นักวิชาการที่จะเข้ามาประเมินโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำการประเมินออกมาแล้วมักไม่ค่อยคุ้มค่า เพียงแต่ว่ามิติของการลงทุนไม่ได้มองถึงความคุ้มค่าเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากจะมีสิ่งต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น การลงทุนต่อเนื่อง เป็นต้น

ทว่า โครงการเก่า ๆ ที่ยังค้างท่ออยู่เยอะ เช่น EEC เป็นต้น ส่วนโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สำหรับความคุ้มค่าของโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลต้องให้นักวิชาเข้ามาประเมินโดยตรง โดยที่ผ่านมารถไฟฟ้าหลายสายนักวิชาการได้ประเมินว่า ไม่มีความคุ้มค่าสักเท่าไร เพียงแต่ว่ารัฐบาลมีการใช้กลไก ทำให้ออกมาดูดี แลนด์บริดจ์ โครงการถมทะเลบางขุนเทียน และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ น่าจะทำหมด แต่เป็นโครงการที่ต้องใช้เม็ดเงินค่อนข้างเยอะ และยังไม่สามารถหวังผลได้

ทั้งนี้ โครงการแลนด์บริดจ์เป็นการช่วงชิงพื้นที่เศรษฐกิจหากไทยไม่ทำในอนาคตอาจจะถูกตัดออกจากเส้นโลจิสติกส์ของโลก เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงจากจีนเชื่อมโยงไปยังเอเชียกลางหรือเชื่อมโยงไปทางฝั่งยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ ไทยจึงต้องเติมยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์เข้าไป คาดโครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากต้องใช้เม็ดเงินค่อนข้างมาก ผู้ที่เข้ามาลงทุนยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม

ส่วน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เริ่มมีคนสนใจน่าจะเกิดขึ้นได้ เพื่อสร้างรายได้เข้ารัฐบาล ขณะที่ถมทะเลบางขุนเทียน ถือว่ามีความจำเป็นภาวะโรคร้อน และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ยังมีโปรเจกต์ที่ค้างท่ออยู่ที่กระทรวงคมนาคมอีกหลายโครงการ โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้างยังไปต่อได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยขยายการเติบโตของเศรษฐกิจได้ และส่งผลดีให้กับเศรษฐกิจเติบโตได้ ทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น

โดยกลุ่มรับเหมาที่ได้รับประโยชน์จากภาครัฐบาลมากสุด คือ หุ้น ITD แต่ปัจจุบัน ITD การขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้หุ้นที่น่าสนใจคือ หุ้น CK เป็นหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่มีสภาพคล่องดี มีการกระจายไปหลายธุรกิจ

“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” ชี้ผลบวกชัดเจน

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้แก่ แลนด์บริดจ์ ถมทะเลบางขุนเทียน และเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เหล่านี้ หุ้นที่จะได้รับผลดีโดยตรงทั้งในแง่พื้นฐานในอนาคตและเชิงจิตวิทยาการลงทุนคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง โรงแรมร้านอาหารจะได้ผลบวกในลำดับต่อมา นอกจากนี้ยังมีหุ้นเป็นรายตัวในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องได้อานิสงส์ด้วยเช่น ท่าเรือ ขนส่ง ร้านอาหาร สนามบิน เป็นต้น

สำหรับแลนด์บริดจ์ ผู้ประกอบการรายหลักในอุตสาหกรรมก่อสร้างคือ STEC, CK และ ITD น่าสนใจ ทว่าในแง่การรับรู้ผลดีจากงานที่จะได้ในงบการเงินอาจจะน้อยในช่วงปีแรกๆ หลังได้งานประมูลเนื่องจากมีค่าเสื่อมทางบัญชีสูง

ถมทะเล ผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็เป็นกลุ่มเดียวกับ แลนด์บริดจ์ ซึ่งด้วยมูลค่าโครงการที่น่าจะสูงมากย่อมน่าจะส่งดีผลวงกว้างกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งสาย

ส่วน Entertainment Complex นอกเหนือจากก่อสร้างจะได้ประโยชน์ ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาลงทุน รวมถึงภาพท่องเที่ยวรวมถึงธุรกิจท่าเรือจะได้ประโยชน์ที่ชัดเจนด้วย

“ผู้ที่ได้ประโยชน์คือทั้งกลุ่มเลย แต่ในแง่การลงทุนหุ้นจะเห็นผลบวกทางจิตวิทยาก่อน ซึ่งหุ้นตัวหลักๆ เช่น STEC ถือว่าน่าสนใจ ส่วนแง่ผลดีด้านกำไรจริงๆ ที่จะเกิดขึ้นอาจต้องรอสัก 2-3 ปีจากนี้”

“บล.ลิเบอเรเตอร์” มองเป็น “สตอรี่เชิงบวก” ระยะยาว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ทั้ง 3 โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งกลุ่ม แต่เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเชิงรายละเอียดจึงยังไม่สามารถระบุชัดเจนถึงสัดส่วนมูลค่างานที่คาดว่าแต่ละบริษัทในกลุ่มจะได้รับไป

ทั้งนี้ในเชิงจิตวิทยาถือเป็นเชิงบวกที่จะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นหลักในกลุ่มนี้ก่อนการประมูลงานที่เกี่ยวข้องในส่วนต่างๆ จะเริ่มต้นขึ้น โดย CK ถือเป็นผู้ประกอบการที่โดดเด่นที่สุด

“โครงการต่างๆ เป็นสตอรี่ที่ดีต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้างทั้งหมด จริงๆ เริ่มเห็นผลดีบ้างแล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แล้วผลงานในไตรมาส 3 และ 4 น่าจะเร่งขึ้นตัวได้อีก”