หุ้น AURA บวก 4% ราคาทองคำทำ All-time high 2,560 เหรียญต่อออนซ์
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 13 ก.ย.2567 เวลา 10.00 น. หุ้น AURA หรือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.90% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 16.00 บาท
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ราคาทองคำวันนี้ (13 ก.ย.2567) ราคาทองคำทำ All-time high ที่ 2,560 เหรียญ/ออนซ์ เป็นเซนติเมนที่ดีกับ AURA มีธุรกิจรับจำนำทองคำด้วย และขายทองด้วย มีการบริหารต้นทุนส่งผลให้มีมาร์จิ้นที่ดีได้ ทั้งนี้ หุ้น AURA ยังคงแนะนำซื้อ แต่ทว่าอัพไซด์เริ่มมีจำกัด โดยให้มูลค่าที่เหมาะสมที่ 16.60 บาท
บล.กสิกรไทย AURA แนวโน้มผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อทองคำและค้าปลีกทองคำ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการสินเชื่อทองคำที่ยังคงสูงเกินเป้าหมาย ประกอบกับราคาทองคำที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่สนับสนุน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและความดึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการวางแผนกระจายแหล่งเงินทุนผ่านการออกพันธบัตรภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อทองคำในอนาคต รวมถึงมีโอกาสในการปรับเพิ่มค่ากำเหน็จทองคำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ AURA ยังคงต่ำกว่าระดับ Record High ที่ 20.3 บาทอยู่ถึง 32% แม้ว่าบริษัทจะมีผลกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นในปัจจุบันไม่สอดดล้องกับราคาทองคำและผลกำไรที่บริษัทสามารถสร้างได้ แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 18.48 บาท
สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 40,350 ขายออกบาททองคำละ 40,450 ส่วนราคาทองรูปพรรณรับซื้อเข้าบาททองคำละ 39,628.24 ขายออกบาททองคำละ 40,950 บาท
โดยราคาทอง 96.5% ขายปลีกในประเทศเช้านี้ (13 ก.ย.2567) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (12 ก.ย.2567) บาททองคำละ 200 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงสู่ All-time high ใหม่ หลังจากเงินเฟ้อ PPI ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี น้อยกว่าตลาดคาด แต่เมื่อเทียบรายเดือนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าตลาดคาด ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 4.6 ตัน
โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 68.3 จาก 67.9 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ วิเคราะห์ราคาทองมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่เกิดสัญญาณซื้อ (Buy Signal) จาก Modified Stochastic มาสักระยะ และจากสัญญาณของ Modified Stochastic ยังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) แนวโน้มราคาทองคำจึงอาจจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ
สำหรับ ราคาทองตลาดโลก แนวรับ 2,550 และ 2,530 ดอลลาร์ แนวต้าน 2,570 และ 2,580 ดอลลาร์ หากเปิด Long position ไว้แนะนำ Let Profits Run หรือเข้าซื้อบริเวณ 2,530 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,520 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% แนวรับ 40,300 และ 40,100 บาท แนวต้าน 40,500 และ 40,600 บาท แม้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แต่ด้วยราคาทองคำโลกปรับตัวแรงสู่ All-time high ใหม่เมื่อคืนนี้ จึงทำให้ราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำโลก ทั้งนี้ระยะสั้นราคาทองคำแท่งอาจปรับตัวขึ้น แต่อาจยังติดบริเวณแนวต้าน 40,800-41,000 บาท หากมีการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ควรขายใกล้บริเวณแนวต้านดังกล่าว