จับสัญญาณราคาหุ้น ’5 แบงก์ใหญ่’ โบรกเกอร์คาด กนง.ลดดอกเบี้ยทุก 0.25% ฉุดกำไร 3%
กลุ่มแบงก์ รับแรงกดดัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองหนี้ครัวเรือนกดดันแบงก์ชาติหั่นดอกเบี้ยตามเฟด กระทบ ROE บล.กสิกรไทย ประเมิน กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% กระทบกำไรของธนาคารขนาดใหญ่ราว 3% ขณะที่ 5 หุ้นแบงก์ใหญ่ ปรับตัวลงยกแผง พบแรงขายลดเสี่ยง แต่โบรกเกอร์มองโอกาส Buy on Fact ราคาเด้งกลับ
“ภาคการเงิน” นั้น โจทย์หลักยังคงเป็นเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ยังเห็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ใกล้ระดับ 90% ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า ทำให้โอกาสการเติบโตสินเชื่อใหม่อยู่ในกรอบที่จำกัดกว่าเดิมมาก
โดยสินเชื่อของระบบแบงก์ไทยปีนี้คงโตไม่เกิน 1.5% ท่ามกลางความสามารถในการกู้ยืมของลูกหนี้ที่ลดลง และแน่นอนว่า ประเด็น “หนี้สิน” เพิ่มความเสี่ยงเชิงระบบ โดยปัญหาคุณภาพหนี้ ยังเป็นโจทย์ต่อเนื่องที่การแก้ไขต้องใช้เวลา และทำให้ ความสามารถในการแข่งขันของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อลดลง ในระยะข้างหน้า ROE ลดลงตามไปด้วย
ประกอบกับ ขณะนี้ยังต้องจับตาผลกระทบเฉพาะหน้าจากปัญหาน้ำท่วม หากขยายวงกว้างจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัวกว่าคาด คงต้องยอมรับว่า โอกาสของการลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น โดยเฉพาะหากโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความแน่นอน (และเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ) ถึงแม้ปัจจุบัน กนง. น่าจะยืนดอกเบี้ยช่วงที่เหลือของปีนี้ก็ตาม
แม้ว่าเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยในรอบ 4 ปีที่ 0.5% ในการประชุมที่ผ่านมา (17-18 ก.ย.67) และยังมีแรงกดดัน เฟดจะลดดอกเบี้ยใน 2 รอบการประชุมที่เหลือของปีนี้ รอบละ 0.25%
ส่งผลให้ “ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร” ที่ ปรับตัวขึ้นมาตลอดราว 10% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นำโดยธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 0.5-1.7% ในแต่ละตัว
สำหรับ แนวโน้มราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ลงแรงน่าจะมีความกังวลคุณภาพสินทรัพย์ และเป็นธนาคารขนาดใหญ่ เช่น “ SCB” ส่วนธนาคารขนาดเล็กไม่ได้รับผลกระทบจึงไม่เห็นราคาหุ้นปรับตัวลง
“รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ปรับตัวลง เป็นการตอบรับภาพการลดดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.5% ซึ่งอาจทำให้ตลาดมองว่ามีโอกาสที่ กนง. จะมีการลดดอกเบี้ยชัดมากขึ้น โดยเราประเมินทุกๆ การลดดอกเบี้ย 0.25% จะกระทบกำไรของธนาคารขนาดใหญ่ราว 3%
ดังนั้นมองแนวโน้มกลุ่มธนาคารยังมองลบ จากคุณภาพสินทรัพย์ที่น่าจะยังอ่อนตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อรายย่อย ยังเห็นการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำ และคาดว่ากำไรในครึ่งหลังปี 2567 จะลดลงเทียบครึ่งแรกปี 2567
สำหรับหุ้นที่สนใจ ตอนนี้เหลือแค่ 1 ตัวคือ KTB เพราะคาดได้ประโยชน์จากเงินลงทุนภาครัฐ และแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ยังดี มี ROE ที่ 10% ดีกว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เมื่อ19 ก.ย.67 กลุ่มธนาคารถูกขายลดความเสี่ยงจากการปรับลดดอกเบี้ยออกมาก่อน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยแรงถึง 0.50%
แต่มีโอกาสเห็น Buy on Facts แม้ว่าวงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลงจะกระทบ NIM แต่จะถูกชดเชยด้วยการเติบโตของสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น การบริหารเงินทุน และความเสี่ยงด้านเครดิตที่ต่ำลง ผสาน ROE สูงเฉลี่ย 9% และ Valuation Discount หนุนแรงซื้อกลับ เน้น KBANK, KTB, BBL
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์