‘วิษณุ - ศิริญา‘ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รอแจงดีเอสไอ - ปปง. จ่อขายหุ้น20% ทิ้ง

‘วิษณุ - ศิริญา‘ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รอแจงดีเอสไอ - ปปง. จ่อขายหุ้น20% ทิ้ง

"วิษณุ - ศิริญา" เทพเจริญ อดีตผู้บริหาร "ณุศาศิริ" เปิดอกแถลงข้อเท็จจริง วอน ก.ล.ต.เข้าใจ และทบทวนจากความเป็นจริง ชี้ทุกข้อสงสัยในการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี เปิดใจรับไม่ได้กับข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์ หากสถานการณ์บริษัทไม่ดีขึ้น อาจพิจารณาขายหุ้นที่ถืออยู่ 20%

นายวิษณุ - นางศิริญา เทพเจริญ อดีตผู้บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด มหาชน หรือ NUSA  ได้รับการเสนอข่าวจากทาง ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร กับพวก  รวม 6 ราย ต่อ DSI กรณีทุจริต และการแสดงเอกสาร และข้อมูลเท็จ พร้อมส่งเรื่องต่อไป ที่ ปปง.และได้ส่งข่าวนี้ต่อไปยังสื่อมวลชนไปเมื่อวันก่อนนั้น

โดยกรณีที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ คือ ธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้น นายวิษณุ เปิดเผยว่า "การเข้าลงทุนดังกล่าวได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ และโปร่งใส"  โดยอ้างอิงเอกสารการประเมินมูลค่า มี 2 ฉบับ ฉบับแรกประเมินในปี 2561 มูลค่า 425 ล้านบาท อีกฉบับประเมินปี 2564 มูลค่า 740 บาท และเป็นฉบับที่ทาง NUSA ใช้ในการทำธุรกรรม จึงไม่ตรงกับเอกสารฉบับแรก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อสินทรัพย์ไปเป็นการซื้อหุ้น และรวมมูลค่ารีโนเวท การได้มาของธุรกิจสุขภาพ รวมถึงแบรนด์ Panacee

ส่วนข้อกล่าวหาว่าขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน นายวิษณุ ยอมรับว่า "จริง แต่ขายได้กำไร" เพราะเป็นการขายในช่วงวิกฤติโควิด ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัว ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ การขายห้องชุดช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ NUSA ราว 210 ล้านบาท จากต้นทุน 180 ล้านบาท โดยนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ 62 ล้านบาท คงเหลือเป็นกระแสเงินสด นอกจากนี้ NUSA ยังได้ปลดหลักประกันห้องชุดโครงการ Parc Exo อีก 456 ยูนิตที่มีมูลค่าทางบัญชีเกือบ 700 ล้านบาท

‘วิษณุ - ศิริญา‘ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รอแจงดีเอสไอ - ปปง. จ่อขายหุ้น20% ทิ้ง

ดังนั้น เราจะต่อสู้ด้วยการชี้แจงความโปร่งใสกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำเอกสารชุดที่เคยยื่นให้กับก.ล.ต.ในการชี้แจงข้อมูลต่างๆ ตามกระบวนการ ต่อดีเอสไอ และปปง.ต่อไป  

นางศิริญา เทพเจริญ อดีตผู้บริหาร ณุศาศิริ กล่าวว่า  ปัจจุบันยังถือหุ้น NUSA ในสัดส่วน 20% ยังไม่ได้มีการขายหุ้นออกไป เพราะราคาหุ้นยังต่ำ หากกลุ่มผู้บริหารใหม่นำพาบริษัทให้เติบโตได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น  แต่ถ้าทิศทาง ณุศาศิริ ยังมีแนวโน้มไม่ดี ตามที่คาดหวังว่าผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาแล้วจะทำให้ดีขึ้น ก็อาจพิจารณาขายหุ้นได้ ซึ่งส่วนหนึ่งจะได้นำเงินมาใช้ทำธุรกิจส่วนตัวที่จะเปิดตัวในเดือนต.ค.นี้

"สำหรับเป็นธุรกิจส่วนตัวที่จะเปิดใหม่นั้นจะเกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว และสุขภาพ แต่ก็จะไม่นำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกแล้ว เพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการของตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. หลังจากที่ได้เผชิญมากับตัวเอง" 

นางศิริญา ชี้แจงต่อว่า  เรื่องที่ ก.ล.ต. ได้ท้วงติง และกล่าวโทษในครั้งนี้ว่า “ที่กล่าวว่าเป็นการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญจากการที่ผู้บริหารนั้น

ขอยืนยันว่า ด้วยเหตุผลที่เราเข้าซื้อโรงแรมในครั้งนี้ด้วยเพราะเราได้เล็งเห็นว่า ในสถานการณ์ ณ เวลานั้น ธุรกิจหลักของบริษัท ในด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังที่จะถอยลง เราจึงมองหาธุรกิจด้านใหม่ที่จะสามารถทำให้ บริษัทสามารถไปต่อได้ โดยเล็งเห็นแล้วว่า ธุรกิจด้านสุขภาพ น่าจะเป็นธุรกิจที่จะสามารถทำกำไร และไปต่อได้ดีทั้งในวันนี้ และในอนาคต ผู้บริหารจึงได้มุ่งมั่นที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจด้านนี้ 

​ดังนั้นเราจึงเริ่มลงทุนในการซื้อ กลุ่ม Panacee ทั้งประเทศไทย และประเทศจีน ในเมื่อปี 2561  โดยมีการวางแผนธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ ปี 2562 - 2563 ว่าจะทำการหาลูกค้าหรือมองกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม high end  ทางผู้บริหารได้เล็งเห็นว่าลูกค้าชาวจีนน่าจะมีศักยภาพสูงที่จะเป็นลูกค้าของเราได้ เราจึงได้เข้าพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจ นี้ จึงได้ข้อสรุปว่า หากเราเข้าทำธุรกิจด้านสุขภาพกับทางจีน เรามีเงื่อนไขการส่งลูกค้าที่จะไปใช้บริการที่เยอรมนี ปีละอย่างน้อย  200 – 300 คน ซึ่งถ้าเราได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ ก็จะทำให้ธุรกิจ โรงพยาบาล และโรงแรมทำรายได้ให้แก่บริษัทมากขึ้น เราจึงเข้าซื้อที่เยอรมนี ซึ่งก็จะทำให้เราได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และก็จะสามารถดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างมั่นคง

​และเมื่อมาดูในเรื่องราคาที่เราซื้อมา ราคา 740 ล้านบาท ราคานี้ เมื่อคำนวณแล้ว เนื้อที่ 10,000 กว่าตารางเมตร ห้องพักอีก 75 ห้อง ได้ธุรกิจเวลเน็ต และได้แบรนด์ของธุรกิจมาด้วย ราคานี้จึงถือว่าไม่แพง และคุ้มค่ากับการลงทุนมาก 

​ ดังนั้นเมื่อโดนข้อกล่าวหาข้างต้น จึงอยากขอวิงวอนให้ ก.ล.ต.มองไปถึงเจตนาในการเข้าทำธุรกิจต่างๆ หรือการลงุทน  ว่าเราไม่ได้มีเจตนาทำให้บริษัทเสียหายหรือขาดทุน แต่เราพยายามทำให้บริษัทของเราอยู่รอด และเติบโตยิ่งขึ้นไป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์