4 บอส กลุ่ม GULF บริหารองค์กรสุดแกร่ง มาร์เก็ตแคปพุ่งเพิ่ม 6.68 แสนล้าน

4 บอส กลุ่ม GULF บริหารองค์กรสุดแกร่ง มาร์เก็ตแคปพุ่งเพิ่ม 6.68 แสนล้าน

4 บอส กลุ่ม GULF บริหารองค์กรสุดแกร่ง มาร์เก็ตแคปตั้งแต่ต้นปีพุ่งเพิ่ม 6.68 แสนล้าน ล่าสุด GULF เพิ่มขึ้น 293,329 ล้านบาท ราคาเพิ่ม 25 บาท หรือคิดเป็น 56.18%

ร้อนแรงสุด! 4 หุ้นเครือ GULF ที่หลังจาก "บิ๊กบอส สารัชถ์ รัตนาวะดี" ประกาศซื้อ หุ้น GULF คืนจากผู้คัดค้านการควบรวม INTUCH ทำให้ราคาหุ้นของ GULF  ADVANC  INTUCH และ  THCOM  พุ่งแรงแซงทุกโค้ง นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์ จากแผนการควบรวมธุรกิจ GULF และ INTUCH เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินการในการบริหารจัดการและการลงทุนในอนาคต รวมทั้งเพื่อลดความซ้ำซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นและต่อยอดโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงาน  โครงสร้างพื้นฐาน และ ธุรกิจดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ซึ่งกลายเป็นปัจจัยบวกทำให้ 4 หุ้นเครือ GULF วิ่งไปอย่างต่อเนื่อง 

และนอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว บทบาทการเป็นผู้นำองค์ อย่างประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ  chief executive officer หรือ CEO ก็มีส่วนสำคัญในการวางวิสัยทัศน์ และผลักดันองค์กรให้รุดไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้

กรุงเทพธุรกิจ พาไปรู้จัก 4 CEO 4 หุ้นดัง เครือ GULF ที่ถูกจับตามองที่สุดชั่วโมงนี้

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF

สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF จบการศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมศาสตร์) , University of Southern California ประเทศสหรัฐอเมริกา Master of Science (Engineering Management) และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมโยธา) 

นอกจากนี้ยังได้เข้าอบรมหลักสูตร Director Accreditation Program (DAP) รุ่น 138/2560 ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 815,454 ล้านบาท เทียบ ณ ช่วงสิ้นปี 2566 ที่ 522,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 293,329 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.18%

ราคา ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 69.50 บาท เทียบ ราคา ณ สิ้นปี 2566 ที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 25.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 56.18% ขณะที่เงินปันผลตั้งแต่ต้นปีที่ 1.34%

ปี 2566 มีพนักงาน 1,168 คน เมื่อเทียบกับปี 2565 มีพนักงานที่ 1,074 คน ซึ่งในปี 2566 บริษัทจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน 1,906.75 ล้านบาท 

สำหรับกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 8,239.79 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 6,734.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.34% 

ส่วนรายได้ครึ่งปีแรก 64,896.44 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 60,502.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.26%

บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ระบุว่า แผนธุรกิจของ NewCo มีเป้าหมายการลงทุนในทั้งธุรกิจพลังงานสีเขียว และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการเกิดโอกาส synergy ใหม่ๆ จากการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้แก่ระบบ Data Center และ cloud ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก จึงถือเป็นธุรกิจที่สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ โดยระยะเริ่มต้นคาดสัดส่วนรายได้ของ NewCo จะมาจากธุรกิจไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ราว 80:20 ส่วนระยะถัดไป ตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนที่ 50:50 จากโอกาสการเติบโตใน Cloud และ Data Center ที่คาดจะยังมีอีกมากในอนาคต 

ขณะที่ด้านธุรกิจไฟฟ้ายังคาดหวังได้จากโครงการใหม่ๆที่มีโอกาสได้รับเข้ามาเพิ่มเติมจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย เพื่อรองรับแผน PDP ฉบับใหม่ที่จะมุ่งเน้นไปยังสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มากขึ้น

ในส่วนของแผนการดำเนินการควบรวมธุรกิจ GULF และ INTUCH ปัจจุบันยังคงมีความคืบหน้าตามแผน ซึ่งภายหลังจากที่ deal แล้วเสร็จใน 2Q68 จะส่งผลให้GULF และ INTUCH จะสิ้นสุดสภาพจากการเป็นนิติบุคคล และมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ (NewCo) และจดทะเบียนอยู่ในหมวดอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงาน (Energy) 

ทั้งนี้ การควบรวมดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะช่วยในด้านการปรับโครงสร้างให้การบริหารจัดการภายในกลุ่มบริษัทฯ มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เป็นส่วนช่วยสร้างโอกาสการเติบโตจากการเกิด synergy ใหม่ๆในระยะยาวได้ดีการถือหุ้น ADVANC โดยอ้อมแบบเดิมอีกทั้งในเชิงของการสร้างกำไร คาดจะช่วยให้ NewCo มีกำไรส่วนเพิ่มสุทธิราว 2.0 พันล้านบาทต่อปี 

โดยอิงจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมจากการถือหุ้น ADVANC ที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 6.0 พันล้านบาทต่อปี และหักด้วยภาระค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่จะเกิดขึ้นราว 4.0 พันล้านบาทต่อปีประกอบกับในแง่ของสถานะทางการเงิน จะช่วยให้ NewCo มีอัตราส่วน NET IBD/E ลดลงมาอยู่ที่ราว 0.9 เท่า เทียบกับ GULF ในปัจจุบันที่อยู่ราว 1.7 เท่าเนื่องจาก INTUCHไม่มีหนี้เงินกู้ยืม และยังได้ประโยชน์จากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น หนุนให้บริษัทฯ มีความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อเตรียมสำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆได้อีกมากในอนาคต

นอกจากนี้ ภายหลังจากการควบรวมแล้วเสร็จ คาด NewCo จะมีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap ที่ราว 1.0 ล้านล้านบาท หนุนให้กลายเป็นหุ้นใหญ่สูงสุดอันดับ 2 ใน ตลท. รองจาก DELTA ส่งผลให้ Newco เข้าสู่ SET50, SET100 ได้ทันที 



บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC ระดับปริญญาตรี Computer Science ภาควิชาสถิติ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังได้อบรมหลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่น 107/2552 ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย 

มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 883,340 ล้านบาท เทียบ ณ ช่วงสิ้นปี 2566 ที่ 645,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237,936 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.87%

ราคา ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 297.00 บาท เทียบ ราคา ณ สิ้นปี 2566 ที่ 217.00 บาท เพิ่มขึ้น 80.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 36.87% ขณะที่เงินปันผลตั้งแต่ต้นปีที่ 3.00%

ปี 2566 มีพนักงาน 11,448 คน เมื่อเทียบกับปี 2565 มีพนักงานที่ 13,141 คน ซึ่งในปี 2566 บริษัทจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน 10,656.60 ล้านบาท 

สำหรับกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 17,028.32 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 13,937.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.18% 

ส่วนรายได้ครึ่งปีแรก 104,937.19 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 91,710.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.42%

บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ADVANC จะมีกำไรปกติงวด 3Q67 ทรงตัวใกล้กับไตรมาสก่อนที่ราว 8.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY โดยประเด็นสำคัญในงวดนี้คือ 1) คาดรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 หมื่นล้านบาท +3% QoQ, +14%YoY จากผลของรายได้ค่าบริการที่คาดจะเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท +1% QoQ,+19%YoY แม้จะเป็นช่วง low season ของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจหลัก ที่กดดันให้ รายได้เฉลี่ย/ราย/เดือน (ARPU) ชะลอลง แต่รายได้ยังเพิ่มขึ้นได้จากฐานลูกค้าที่ยังเพิ่มขึ้น

รวมถึงยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเพิ่มเป็น 9 พันล้านบาท +14% QoQ,+3% YoY จากแรงหนุนของการเปิดตัวไอโฟน16 ปลายไตรมาส 3/67 แต่คาดมาร์จิ้นจากการขายจะลดเหลือ 5.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67อยู่ที่ 6% ตามสัดส่วนการขายไอโฟน ที่สร้างมาร์จิ้นต่ำกว่าเครื่องราคาต่ำและสินค้าแบรนด์จีน แต่ถือว่ายังดีกว่า 1.8% ในงวดไตรมาส 3/67 ที่ยังมีนโยบายการให้เงินอุดหนุนค่าเครื่องอยู่สูง

2) ต้นทุนบริการทรงตัว QoQ +15% YoY แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้น +3% QoQ, +35% YoY จากการใช้งบการตลาดที่สูงขึ้น เพื่อกระตุ้นการขายไอโฟน และค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น จากการบันทึกโบนัสที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ หากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ออกมาดังคาดจะทำให้กำไรโดยรวมของ 9 เดือน ปี 67 มีสัดส่วน 76% ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/67 น่าจะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติสำหรับปี 67-68 ไว้ตามเดิมที่ 3.4 หมื่นล้านบาท +18% YoY และ 3.7 หมื่นล้านบาท +9% YoY ตามลำดับ แต่ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 68 ที่ 288 บาท (DCF, WACC 7.14%)

คงคำแนะนำ “Outperform” เนื่องจากในระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรงวดไตรมาส 3/67 ที่คาดจะออกมาเติบโตดี YoY ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside 11% โดยหุ้น ADVANC ถูกซื้อขายที่ PER ปี 68 ที่ 21 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีก่อนที่มีกำไรโตเฉลี่ยเพียง 2% แต่ซื้อขายด้วย PER ที่ 22.4 เท่า

อีกทั้งเป็นหุ้นที่ผลตอบแทนจากปันผลที่จูงใจ คาดปันผลปี 67 ที่ 9.97 บาท จ่ายไปแล้วสำหรับครึ่งแรกปี 67 ที่ 4.67 บาท และ ปี 68 ที่ 10.89 บาท หรือคิดเป็น dividend yield ปี 67-68 ราว 3.8-4.2% ถือว่ายังจูงใจ และมีความน่าสนใจมากขึ้นในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลง โดยที่ผ่านมาราคาหุ้น ADVANC มักเปลี่ยนแปลงตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย


บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

คิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ INTUCH จบการศึกษาสูงสุดคือระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทั้งนี้ เคยผ่านการอบรมจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และอื่น ๆ ประกอบด้วย 

1.DCP : Directors Certification Program รุ่น 116/2552 

2.Harvard#1 Executive Learning Sustainment Program ปี 2561-2562 

3.Harvard Leadership Development Program, Harvard Business Publishing ปี 2560-2561 

4.SFLP : Strategic Financial Leadership Program ปี 2562 โดยสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย และ 

5.หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 21

มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 362,356 ล้านบาท เทียบ ณ ช่วงสิ้นปี 2566 ที่ 229,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133,078 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.04%

ราคา ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 113.00 บาท เทียบ ราคา ณ สิ้นปี 2566 ที่ 71.50 บาท เพิ่มขึ้น 41.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 58.04% ขณะที่เงินปันผลตั้งแต่ต้นปีที่ 2.99%

ปี 2566 มีพนักงาน 21 คน เมื่อเทียบกับปี 2565 มีพนักงานที่ 21 คน ซึ่งในปี 2566 บริษัทจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน - ล้านบาท 

สำหรับกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 6,707.42 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 5,572.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.37% 

ส่วนรายได้ครึ่งปีแรก 21.77 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 20.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81%

บล.เอเซีย พลัส ระบุหุ้น INTUCH ประเมินว่าจะมีกำไรปกติที่ 3.4 พันล้านบาท -0.9% QoQ, +4.6% YoY ตามส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับจาก ADVANC ซึ่งทรงตัว QoQ แต่ยังโต YoY ทั้งนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น INTUCH เมื่อ 3 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทควบรวมกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF เพื่อให้กลายเป็นบริษัทใหม่ (New Co) ซึ่งทำให้กระบวนการควบรวมเดินหน้าต่อไป

โดย ฝ่ายวิจัยได้ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมของ INTUCH ที่สะท้อนการควบรวมในปี 2568 เป็น 112 บาท บนฐานราคา New Co ที่ 66 บาท คงคำแนะนำ “Outperform” เพราะระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไร Q3/67 ที่คาดจะออกมาโต YoY และคาดผลตอบแทนจากปันผลปกติสำหรับ 2H67 ที่2.0 บาท บวกกับปันผลพิเศษ 4.50 บาท ในงวด Q1/68 หรือคิดเป็น yield รวม 6.3% ซึ่งจูงใจในช่วงดอกเบี้ยจะเป็นขาลง


บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM

ปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THCOM จบการศึกษา Advanced Management Program รุ่น 189/2015, Harvard Business School และ Executive MBA, สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Bachelor of Engineering, University of Canterbury, New Zealand

นอกจากนี้ ยังผ่านการอบรมของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และการอบรม/สัมมนาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

• Strategy and Innovation for Business in Asia (SIBA), College of Management, Mahidol University

• Director Certification Program (DCP) รุ่น 185/2557 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

• หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง รุ่น 18/2557 สถาบันวิทยาการตลาดทุน

• Harvard Leadership Development Program, Harvard Business Publishing (2560-2561)

• Executive Learning Sustainment Program, Harvard Business Publishing (2562)

• Digital CEO ผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล รุ่น 3/2563 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)

• Executive Development Program (EDP) รุ่น 2/2551, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA)

มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 18,524 ล้านบาท เทียบ ณ ช่วงสิ้นปี 2566 ที่ 14,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,055 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.03%

ราคา ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 ที่ 16.90 บาท เทียบ ราคา ณ สิ้นปี 2566 ที่ 13.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 28.03% ขณะที่เงินปันผลตั้งแต่ต้นปีที่ 0.79%

ปี 2566 มีพนักงาน 319 คน เมื่อเทียบกับปี 2565 มีพนักงานที่ 330 คน ซึ่งในปี 2566 บริษัทจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน 618,970 ล้านบาท 

สำหรับกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 350.47 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 546.18 ล้านบาท ลดลง 35.83% 

ส่วนรายได้ครึ่งปีแรก 1,452.65 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1,820.05 ล้านบาท ลดลง 20.19%

บล.บัวหลวง ระบุว่า คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่ลดลง 61% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรหลักที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนที่ลดลงจาก LTC (หลังจากการปรับโครงสร้างรายได้) และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง (จากการชำระหนี้) กำไรหลักที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเกิดจากรายได้ที่ลดลงจาก Thaicom-4 นอกจากนี้ THCOM จะรายงานขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาท

โดย คาดการณ์ไตรมาส 3/67 THCOM จะรายงานขาดทุนสุทธิที่ 327ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยปรับลดประมาณการและคำแนะนำหลังจากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงประมาณการครึ่งหลังของปี 2567 ทั้งนี้ ลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ลง 21% เหลือ 135 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงจาก 16.20 บาท เหลือ 15.10 บาท

ดังนั้นคำแนะนำจึงปรับลดจาก “ซื้อเก็งกำไร” เป็น “ถือ” อย่างไรก็ตาม หาก THCOM ได้รับใบอนุญาตดำเนินการในอินเดีย คาดไตรมาส 4/67-1/68 ข่าวนี้อาจหนุนราคาหุ้นให้กลับมาปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ในระยะสั้นบล.บัวหลวงชอบ ADVANC และ TRUE มากกว่า THCOM เนื่องจากการแข่งขันที่ลดลงระหว่างผู้ประกอบการโทรคมนาคม หลังจากตลาดกลายเป็น duopoly

4 บอส กลุ่ม GULF บริหารองค์กรสุดแกร่ง มาร์เก็ตแคปพุ่งเพิ่ม 6.68 แสนล้าน