ดาวโจนส์ปิดร่วง เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง-กังวลทิศทางดอกเบี้ย

ดาวโจนส์ปิดร่วง เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง-กังวลทิศทางดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุด ตลาดได้รับปัจจัยลบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นน้อยลงว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก และข่าวด้านลบของบริษัทบางแห่งซึ่งรวมถึงแมคโดนัลด์ (McDonald’s)

ในวันพุธ (23 ต.ค.)  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,514.95 จุด ลดลง 409.94 จุด หรือ -0.96%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,797.42 จุด ลดลง 53.78 จุด หรือ -0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,276.65 จุด ลดลง 296.47 จุด หรือ -1.60%

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.82% และ 1.68% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยดีดตัวขึ้น 1.02% และ 1.01% ตามลำดับ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.255% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายซึ่งรวมถึงแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก, ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส  และนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 2.81% หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ดิ่งลง 2.16% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ร่วงลง 3.15% และหุ้นอะเมซอน (Amazon) ร่วงลง 2.63%

หุ้นแมคโดนัลด์ ดิ่งลง 5.12% หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ รายงานว่า พบการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) ที่เชื่อมโยงกับเบอร์เกอร์ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ (Quarter Pounder) ของแมคโดนัลด์ ทำให้มีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 10 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน โดยหนึ่งในผู้ป่วยมีอาการฮีโมไลติกยูรีมิก (hemolytic uremic syndrome) ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่อาจทำให้ไตวายได้

หุ้นโคคา-โคลา (Coca-Cola) ร่วงลง 2.07% หลังจากที่บริษัทได้คงตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรรายปีไว้ที่ระดับเดิม แม้คาดการณ์ว่ารายได้จะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

หุ้นโบอิง (Boeing) ร่วงลง 1.76% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2567 เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการนัดหยุดงานของพนักงานกว่า 30,000 คนซึ่งดำเนินมานานถึง 5 สัปดาห์แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการลงมติของสหภาพแรงงานโบอิ้ง ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสมาชิกสหภาพแรงงานที่นัดหยุดงานจะกลับเข้าโรงงานหรือไม่

ข้อมูลระบุว่า การหยุดงานในแต่ละวันทำให้โบอิ้งเสียหายประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ และส่งผลให้โบอิ้งต้องเริ่มใช้มาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายขนานใหญ่ ซึ่งรวมถึงการสั่งให้พนักงานพักงาน การระงับการจ้างงานใหม่ และการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางของบริษัท

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 1.0% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 3.84 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2553 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค. ที่ระดับ 3.86 ล้านยูนิต