PTTEP กำไร Q3/67 ชะลอลงที่ 1.7 หมื่นล้าน เหตุราคาขายลดตัดค่าเสื่อมเพิ่ม
PTTEP รายงานกำไรงวด Q3 โตลดลงเล็กน้อย ที่ 17,864 ล้านบาท ลดลง 1 % (ํY-Y) จากราคาขายลดลงและตัดค่าเสื่อมเพิ่ม ส่วนงวด 9 เดือน 60,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากรายการพิเศษผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับ Functional Currency มาเลเซีย 36 ล้านดอลลาร์
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 511 ล้านดอลลาร์ หรือ 17,864 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 1 % เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 514 ล้านดอลลาร์ หรือ 18,101 ล้านบาท โดยหลักจากรายได้จากการขายลดลง ประกอบกับ ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น สุทธิกับภาษีเงินได้ที่ลดลง
รวมถึงไตรมาสนี้มีกำไรจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน โดยกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 511 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น กำไรจากการดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 520 ล้านดอลลาร์ ลดลง 19 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบ กับไตรมาส 3 ปี 2566 ที่มีกำไร 539 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักจากรายได้จากการขายลดลง 60 ล้านดอลลาร์ จากราคาขายเฉลี่ย ที่ลดลง 3 % ตามราคาตลาดที่ลดลง ในขณะเดียวกันค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 94 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ จากโครงการจี 1/61 ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงโครงการยาดานาที่มีการรับรู้ประมาณการหนี้สินค่ารื้อถอนตามสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจาก ผู้ร่วมทุนยุติการลงทุน อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้ลดลง 135 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากโครงการในประเทศไทย และประเทศโอมานตามกำไรที่ลดลง ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 9 ล้านดอลลาร์ ลดลง 16 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 ที่มีขาดทุน 25 ล้านดอลลาร์
โดยหลักเป็นผลของกำไรจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ตามราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสนี้ ประกอบกับผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับ Functional Currency ของประเทศ มาเลเซียเพิ่มขึ้น ตามเงินมาเลเซียริงกิตที่แข็งค่าขึ้น สุทธิกับมีการตัดจำหน่ายต้นทุนของโครงการเม็กซิโก แปลง 29 (2.4) ในไตรมาสนี้
งวด 9 เดือน 2567 กำไรสุทธิจำนวน 1,688 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือน 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 1,694 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น กำไรจากการดำเนินงานปกติสำหรับงวด 9 เดือน 1,731 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือน 2566 ที่มีกำไร 1,717 ล้านดอลลาร์
สาเหตุหลักจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 174 ล้านดอลลาร์ จากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากโครงการจี 1/61 สุทธิกับราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง ในขณะเดียวกันภาษีเงินได้ลดลง 220 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากโครงการในประเทศไทย และประเทศโอมานตามกำไรที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่าย เพิ่มขึ้น 381 ล้านดอลลาร์โดยหลักจากโครงการจี 1/61 ที่มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น รวมถึงโครงการซอติก้า และโครงการเอส 1 ที่มีสินทรัพย์ พร้อมใช้งานเพิ่มขึ้น ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติสำหรับงวด 9 เดือน 2567 จำนวน 43 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือน 2566 ที่มีขาดทุน 23 ล้านดอลลาร์
สาเหตุหลักจากรายการ ตัดจำหน่ายสินทรัพย์ในปีนี้ ได้แก่ การตัดจำหน่ายต้นทุนของแปลงสัมปทาน เอซี/อาร์แอล 12 (Oliver) จำนวน 30 ล้านดอลลาร์ และ การตัดจำหน่ายต้นทุนของโครงการเม็กซิโก แปลง 29 (2.4) จำนวน 28 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับ Functional Currency ของประเทศมาเลเซียเปลี่ยนแปลง 36 ล้านดอลลาร์ จากปีก่อนที่เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี ตามเงินมาเลเซียริงกิตที่ แข็งค่าขึ้นในปีนี้