BH Q3/67 รายได้ลด 5 % ที่ 6,447 ล้าน เน้นลดค่าใช้จ่าย-ประคองกำไรที่1,955 ล้าน

BH Q3/67 รายได้ลด 5 % ที่ 6,447 ล้าน  เน้นลดค่าใช้จ่าย-ประคองกำไรที่1,955 ล้าน

BH รายงาน Q3/67 ทำรายได้ที่ 6,447 ล้าน ลดลง 4.9 %  ได้รับผลกระทบจากกลุ่มผู้ป่วยช่าวต่างชาติและไทยลดลง แต่สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทำให้กำไรสุทธิ ที่ 1,955 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

นางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH รายงานรายได้รวมของไตรมาส 3 ปี 2567  ที่ 6,447 ล้าน ลดลง 4.9 %  จาก 6,775 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566   และมีกําไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 1,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,954 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเป็น 30.3 %  ในไตรมาส 3 ปี 2567 เทียบกับ 28.8 %  ในไตรมาส 3 ปี 2566

 

    โดยหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทย  6.8  % และ 1.4 % ตามลําดับเป็นผลให้รายได้จากกล่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน  34.3 %  จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จาก กลุ่ทผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น  65.7 %  ในไตรมาส 3 ปี 2567 เทียบกับ  33.1 %  และ 66.9 % ตามลําดับในไตรมาส 3 ปี2566

 

สําหรับเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 19,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1.8%  จาก 19,010 ล้านบาทในเก้าเดือนแรกของปี 2566 กําไรสุทธิในเก้าเดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้น 11.1 %  เป็น 5,872 ล้านบาท จาก 5,286  ล้านบาทในเก้าเดือนแรกของปี 2566 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเป็น  30.4 %  ในเก้าเดือนแรกของปี 2567 เทียบกับ  27.8 % ในเก้าเดือนแรกของปี 2566  

 

 

บริษัทมีต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) จํานวน 3,089 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี2567 ลดลง 8.4 %  จาก 3,371 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566 โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีเมื่อเทียบกับการลดลง ของรายได้จากกิจการโรงพยาบาลในอัตรา 5.0  % เป็นผลให้สัดส่วนของต้นกิจการโรงพยาบาลต่อรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลงเป็น 48.4  % ในไตรมาส 3 ปี 2567 เทียบกับอัตรา 50.2 ในไตรมาส 3 ปี 2566 

             ค่าใช้จ่ายในการขาย (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) มีจํานวน 185 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้น  4.3 จาก 177 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท

             ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) มีจํานวน 818 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2567 ลดลง 5.2 %  จาก 863 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566