เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ดันหุ้นสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
S&P 500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี ส่งผลให้วอลล์สตรีทพุ่งขึ้นต่อจากวันก่อนที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชัยชนะเลือกตั้ง ขณะที่ผู้ค้าชั่งน้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.74% ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,973.10 ด้านดัชนี Composite Nasdaq พุ่งขึ้น 1.51% แตะ 19,269.46 ปิดเหนือ 19,000 ครั้งแรก ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยลดลงต่ำกว่าหนึ่งจุดมาอยู่ที่ 43,729.34
ดัชนีทั้งสามพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายระหว่างวัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นจากการพุ่งขึ้นของหุ้นในวันพุธภายหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1,500 จุด S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.53% ซึ่งเป็นวันหลังการเลือกตั้งที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
ตลาดตราสารหนี้ก็มีความผันผวนนับตั้งแต่การเลือกตั้ง โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงในวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า การแกว่งครั้งใหญ่เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในบ่ายวันพฤหัสบดี การปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ของธนาคารกลางเป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวาง แต่การลดดอกเบี้ยดังกล่าวน้อยกว่าการปรับลดลง 0.5% ในเดือนกันยายน
ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล กล่าวว่า ธนาคารกลาง “รู้สึกดี” กับสถานะของเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่าเฟดจะยึดแนวการปรับดอกเบี้ยระดับเล็กน้อยในระยะต่อไป
“ความสมดุลของความเสี่ยงทำให้ Fed มีพื้นที่เหลือเฟือในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ต่อในปี 2025 ตลาดไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนาดใหญ่พิเศษ เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงอันใกล้นี้” เจมี ค็อก หุ้นส่วนผู้จัดการของ Harris Financial Group กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์