‘บลจ.กสิกรไทย’ มั่นใจ ตลาดหุ้นไทย - เวียดนาม รุ่งอานิสงส์ ‘ภาษีทรัมป์’ คาด SET พุ่ง 10% แตะ 1,600 จุด
"บลจ.กสิกรไทย" ชี้ไทย - เวียดนามได้ประโยชน์สูงสุดในภูมิภาค จากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ คาดนโยบายขึ้นภาษีสินค้าจีน 60% กระตุ้นย้ายฐานการผลิตเข้าอาเซียน "วิน พรหมแพทย์" เชื่อดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสพุ่งแตะ 1,600 จุด ปีหน้า ขณะที่หุ้นเวียดนามรั้งอันดับต้นๆ ในกลุ่มน่าลงทุน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย วันนี้ (13 พ.ย.67) ว่า ประเทศไทย และเวียดนามจะเป็น "ผู้ได้รับประโยชน์รายใหญ่" จากการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 1.6 ล้านล้านบาท (4.6 หมื่นล้านดอลลาร์) กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั้งสองแห่งจะได้รับแรงหนุนเมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการย้ายฐานการลงทุนออกจากประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก มาสู่สองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มุมมองเชิงบวกนี้เป็นตัวอย่างของนักลงทุนในเอเชียที่มองหาโอกาสจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ แม้ว่าจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีนของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะสร้างความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าโลก แต่ก็กระตุ้นให้เกิดการแสวงหาผู้ชนะในตลาดต่างๆ ท่ามกลางการคาดการณ์นโยบายที่อาจเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่
นายวิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้น 10% จากระดับปัจจุบัน ไปอยู่ที่ประมาณ 1,600 จุดในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้เป้าหมายดัชนีสำหรับตลาดหุ้นเวียดนาม แต่ระบุว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนอันดับต้นๆ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานข้อมูลตามเว็บไซต์ทางการว่า บลจ.กสิกรไทย บริหารกองทุนที่ลงทุนทั่วโลกในสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยกองทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทซึ่งรวมถึงกองทุนที่ลงทุนหลักในหุ้นจีน
ทั้งนี้ การประเมินทั้งหมดของบลจ.กสิกรไทย อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วคือ ในสมัยแรกของทรัมป์ หุ้นในเวียดนาม และไทยมีผลการดำเนินงานดีกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากทั้งสองประเทศดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และเติบโตเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
ทรัมป์กล่าวว่า จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 60% ในการดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง และเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 20% สำหรับสินค้าจากประเทศอื่นๆ แม้ว่าการเพิ่มภาษีจะส่งผลกระทบต่อเวียดนาม และไทย แต่นายวิน ยังคงมั่นใจว่าข้อดีจะมีมากกว่าข้อเสีย
"ไทย และเวียดนามจะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคจากการย้ายฐานการผลิต" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์
ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13% จากจุดต่ำสุดในเดือนส.ค. หลังจากรัฐบาลใหม่นำโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร พยายามออกมาตรการจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
อ้างอิง: Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์