ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน "ทรงตัว" แรงหนุน"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"
FETCO เปิดผลสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลงสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวปัจจัยฉุดคือความขัดแย้งระหว่างประเทศและเศรษฐกิจไทยถดถอย”
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-30 พฤศจิกายน 2567) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน” (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ที่ระดับ 118.28
นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และคาดหวังสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างประเทศคลี่คลาย ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์เงินเฟ้อ
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กุมภาพันธ์ 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 118.28
- ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“ผลสำรวจ ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 26.8% อยู่ที่ระดับ 101.54 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 40.0% อยู่ที่ระดับ 90.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลดลง 15.6% อยู่ที่ระดับ 118.18 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 25.9% อยู่ที่ระดับ 133.33
SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายน 2567 จากการประกาศผล ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาดการณ์ในหลายอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับตัวลดลงหลังประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนาย Donald Trump ได้รับชัยชนะ ซึ่งมีนโยบายหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่งผลลให้เงินไหลออกจากกลุ่มตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย อีกทั้ง FED มีแนวโน้มชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย SET Index ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 1,427.54 ปรับตัวลดลง 2.6% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 44,256 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 13,597 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 136,354 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ การประกาศนโยบายภาษีนำเข้า (Tariff) ของสหรัฐ หลังประธานาธิบดี Donald Trump เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2568 ผลการประชุม FED ต่อการปรับลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงแต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ 2%
รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในรัสเซีย—ยูเครนที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและจากมาตรการภาครัฐทั้งโครงการเงินดิจิทัลเฟส 2 และมาตรการพักหนี้ รวมทั้งแรงหนุนจากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง RMF, SSF และ ThaiESG ในช่วงท้ายของปี”