FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน อยู่ในเกณฑ์ ร้อนแรงอย่างมาก หวังกนง.ลดดบ.

FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน อยู่ในเกณฑ์ ร้อนแรงอย่างมาก หวังกนง.ลดดบ.

FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า( ม.ค.2568) อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก ที่ 160.66 นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกนง. ลดดอกเบี้ย จับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนตุลาคม 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ต.ค. 2567)  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค.2568 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ที่ระดับ 160.66 ซึ่งนักลงทุนมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ  เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ  และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ 

FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน อยู่ในเกณฑ์ ร้อนแรงอย่างมาก หวังกนง.ลดดบ.

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนตุลาคม 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

▪ ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3เดือนข้างหน้า (มกราคม 2568) อยู่ในเกณฑ์“ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ที่ระดับ 160.66

▪ ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”  ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

▪ หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)  

▪ หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)

▪ ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

▪ ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือสถานการณ์เงินเฟ้อ

“ผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลดลง 6% อยู่ที่ระดับ 138.71 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 14.3% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศทรงตัวอยู่ที่ระดับ 140.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 10.0% อยู่ที่ระดับ180.00

ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือนตุลาคม 2567 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนจะปรับตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนหลังได้แรงกระตุ้นจากการที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง  0.25% มาอยู่ที่ 2.25% และปรับตัวลงในเวลาต่อมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากมุมมองว่า FED จะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

โดย SET Index ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 ปิดที่ 1,466.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 54,750 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท  โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 122,757 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดการลุกลาม ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.2567 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน  รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออกซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงินซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของกนง. ในการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป แรงหนุนจากการซื้อกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายของปี รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2567 ที่คาดว่าจะออกมาดีในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ