เงินเฟ้อต่ำคาด หนุนดาวโจนส์-S&P 500 ทำผลงานดี
หุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแรงในวันพุธ หลังจากรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดชี้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนธันวาคม และผลประกอบการธนาคารใหญ่ๆ ของสหรัฐในไตรมาส 4 ออกมาดีเกินคาด
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นสหรัฐวันพุธ(15 ม.ค.) หรือเมื่อคืนตามเวลาไทยว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้นขึ้น 703.27 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 43,221.55 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.83% ปิดที่ 5,949.91 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ทะยานขึ้น 2.45% ปิดที่ 19,511.23 จุด นับเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับดัชนีทั้งสามนับตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน
สำนักงานสถิติแรงงานรายงานเมื่อวันพุธว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคมแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.2% โดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.9% ในรอบ 12 เดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์
“ตลาดกำลังโล่งใจ เนื่องจากมาตรวัดเงินเฟ้อทั้งสอง 2 คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เมื่อวานนี้และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เช้านี้ ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย” จอห์น เคิร์ชเนอร์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้สหรัฐและผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Janus Henderson Investors กล่าว “บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในวันนี้ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมนั้น จะไม่เกิดขึ้นอย่างที่ผู้ค้าในตลาดบางรายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้”
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค และล่าสุดลดลงประมาณ 13 เบซิสพอยท์ มาอยู่ที่ประมาณ 4.65% ขณะที่บรรดาหุ้นเติบโต เช่น Tesla และ Nvidia พุ่งขึ้นราว 8% และ 3% ตามลำดับ สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง
การรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ที่เริ่มต้นขึ้นในวันพุธออกมาสดใส โดยธนาคารขนาดใหญ่สามารถทำกำไรได้ดีเกินกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้หุ้นของ JPMorgan Chase พุ่งขึ้นเกือบ 2% หลังจากที่ธนาคารรายงาน กำไรต่อหุ้นและรายได้ที่สูงกว่าคาด ซึ่งได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจการซื้อขายตราสารหนี้และวาณิชธนกิจ
หุ้นของธนาคาร Goldman Sachs พุ่งขึ้น 6% หลังจากที่รายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ที่มีรายได้และกำไรสุทธิสูงกว่าตลาดคาด และหุ้นของ Wells Fargo พุ่งขึ้นมากกว่า 6% หลังจากที่ธนาคารระบุว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะสูงขึ้น 1- 3% ในปี 2025 หุ้นของ Citigroup พุ่งขึ้น 6% หลังจากที่บริษัททำผลงานได้ดีกว่าประมาณการในไตรมาสที่สี่
“วันนี้เราเริ่มต้นฤดูกาลรายได้ที่ดี รายได้ของธนาคารมีความสำคัญเนื่องจากภาคการเงินมีความเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก ดังนั้น ผมคิดว่าการที่ธนาคารขนาดใหญ่เหล่านี้แสดงตัวเลขที่เป็นขาขึ้นในวันนี้ถือเป็นลางดี” แลร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักยุทธศาสตร์ทางเทคนิคของบริษัทวิจัยตลาดการเงิน Blue Chip Daily Trend Report กล่าว