หุ้นจีนในสหรัฐดิ่ง! หลัง ‘ทรัมป์’ สั่งคุมการลงทุนจีน ฉุด ‘อาลีบาบา’ ร่วง 10%

หุ้นจีนในสหรัฐดิ่ง! หลัง ‘ทรัมป์’ สั่งคุมการลงทุนจีน  ฉุด ‘อาลีบาบา’ ร่วง 10%

หุ้นจีนในสหรัฐดิ่ง! หลัง ‘ทรัมป์’ สั่งคุมการลงทุนจีน ฉุด ADRs ‘อาลีบาบา’ ถูกเทขายทิ้งมากสุดในรอบ 3 ปี ปิดตลาดร่วง 10% จุดกระแสนักลงทุนประเมินความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์อีกครั้ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “หุ้นจีน” ร่วงลงอย่างหนักหลังปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 24 ก.พ. 68 นำโดยหุ้นของ “อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง” ถูกเทขายทิ้งมากสุดนับตั้งแต่ปี 2565 หลังจากที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ออกคำสั่งล่าสุด ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแยกตัวทางการเงินและเทคโนโลยีที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

หุ้นจีนในสหรัฐดิ่ง! หลัง ‘ทรัมป์’ สั่งคุมการลงทุนจีน  ฉุด ‘อาลีบาบา’ ร่วง 10%

ใบรับฝากหลักทรัพย์ในสหรัฐ (ADRs) ของบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนปิดตัวลดลงถึง 10% ซึ่งเป็นการตกลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565

ขณะที่ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ดัชนีที่ติดตามผลการดำเนินงานของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐลดลง 5.2% 

นอกจากนี้ บริษัทจีนอื่นๆ เช่น Bilibili Inc. (แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์) และ JD.com Inc. (คู่แข่งของอาลีบาบาในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ) ก็เผชิญกับราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 7% 

ทรัมป์สกัดจีนลงทุนใน ‘เทคโนโลยีสหรัฐ’

ทรัมป์ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) เพื่อสั่งการให้คณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) จำกัดการลงทุนของจีนในภาคส่วนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์  นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศว่า รัฐบาลจะทำการตรวจสอบบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ และจะทบทวนโครงสร้างการเป็นเจ้าของของบริษัทเหล่านี้ด้วย

มาตรการตรวจสอบดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้หุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐเผชิญภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก  จากหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ที่ประสบภาวะขาดทุนอยู่แล้ว

สถานการณ์นี้อาจฉุดรั้งการพุ่งขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีจีนที่เกิดขึ้นในปีนี้ หลังจากที่สตาร์ทอัพ AI อย่าง “ดีปซีก” (DeepSeek)  จุดกระแสความสนใจ หลังจากที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองข้ามหรือไม่ให้ความสำคัญมากนักกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ตอนนี้นักลงทุนกำลังกลับมาประเมินความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กันใหม่อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น

เครื่องมือต่อรองของ ‘ทรัมป์’

นีโอ หว่อง นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคจีนจากบริษัท Evercore ISI มองว่าการที่หุ้นถูกเทขายอย่างหนักนั้น ไม่ได้เกิดจากความกังวลที่แท้จริงต่อสถานการณ์ แต่เป็นปฏิกิริยาของนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงไว้ก่อน คือ "ขายก่อนแล้วค่อยถามทีหลัง" 

รวมทั้งยังระบุว่า รายการที่ทรัมป์ต้องการทำนั้นเป็นกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองกับจีนมากกว่า ทรัมป์ต้องการใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อให้ได้เปรียบในการเจรจา

"การขึ้นลงของหุ้นจีนตอนนี้เหมือนเป็นการแข่งขันระหว่างทรัมป์และรัฐบาลจีน ว่าใครจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นจีนมากกว่ากัน"

อย่างไรก็ดี แม้ว่าหุ้นจีนจะปรับตัวลดลงจากเหตุการ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่โดยรวมแล้วหุ้นของบริษัท Alibaba กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในปีนี้ ในขณะที่ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China  ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 12%

อ้างอิง Bloomberg