หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวกสวนหุ้นโลก บวก 2.49 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่หนุน

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวกสวนหุ้นโลก บวก 2.49 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่หนุน

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวกสวนหุ้นโลก บวก 2.49 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่หนุน โบรกแนะยังเสี่ยงปัจจัยนอกประเทศและในประเทศ

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" วันนี้ ณ วันที่ 4 มี.ค.2568 เปิดตลาดนี้ อยู่ที่ 1,190 จุด บวก 2.49  จุด หรือบวก 0.21% มูลค่าการซื้อขาย 5,825.96 ล้านบาท บวกสวนตลาดหุ้นโลกที่ได้รับแรงกดดันจากนโยบายภาษีทรัมป์ โดยตลาดหุ้น Dow Jones ปิดลบ 649 จุด -1.48% ขณะที่ S&P500 ปรับลงแรงสุดตั้งแต่ 18 ธ.ค.2567 หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการภาษีนำเข้าต่อ แคนาดา เม็กซิโก 25% โดยมีผลในวันนี้  ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับลง 1.6% หลังมีรายงานว่า OPEC+ จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวกสวนหุ้นโลก บวก 2.49 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่หนุน

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้นไทยบวกสวนหุ้นโลกในวันนี้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ แต่หุ้นไทยก่อนหน้านี้มีการปรับฐานลงมาค่อนข้างลึก อาจจะมีจังหวะบวกขึ้นมาได้บ้าง แต่โดยภาพรวมยังเป็นลักษณะของการฟื้นตัวระยะสั้น 

โดยหุ้นกลุ่มนำตลาดได้ DELTA เข้ามาช่วยหนุน หลังจากวานนี้ (3 มี.ค.2568)อ่อนตัวฉุดตลาดลงไป และมีแรงซื้อคืนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงไปวานนี้เช่นกัน เช่น AOT CPALL CPAXT ขึ้นมาหนุนตลาดได้ดี แต่ไม่ได้มีปัจจัยอะไรมาหนุนเป็นพิเศษ

"วันนี้เป็นลักษณะของการเทรดดิ้งในหุ้นที่มีการปรับฐานลงมาลึกในหลาย ๆ ตัวสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดี อย่างวันนี้แนะนำ PTTGC SCB ที่จะมีปันผลรออยู่ในเดือนเม.ย.นี้ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการจะพักเงินสามารถลงทุนในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ปรับตัวลดลง ที่ได้ประโยชน์คือ กลุ่ม REIT อย่าง LHHOTEL" 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกรับแรงกดดันหนักจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งล่าสุดกล่าวว่า เม็กซิโกและแคนาดาไม่สามารถเจรจาขอยกเว้นภาษี 25% ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมได้ โดยภาษีดังกล่าวจะมีผลกับสินค้านำเข้ารวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี คาดจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและการค้า ในขณะที่ด้านแคนาดาและเม็กซิโกได้ขู่ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ รวมทั้งจีนก็กำลังพิจารณาตอบโต้โดยมุ่งเป้าไปที่สินค้าเกษตรและอาหารของสหรัฐฯ

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบโลก วานนี้ย่อกว่า -2.1% ทำจุดต่ำสุดรอบ 3 เดือน ขานรับมติของ OPEC+ ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 1.38 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน และมีแผนที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปีหน้า โดยการตัดสินใจครั้งนี้อาจได้รับอิทธิพลจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ลดราคาน้ำมัน แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะอุปทานล้นตลาดในช่วงปลายปีนี้ก็ตาม

ด้านตลาดหุ้นไทยยังคงปรับฐานต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน ซึ่งยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยปัจจัยที่น่าติดตามวันนี้ แนะเกาะติดการประชุม ครม. คาดเคาะเกณฑ์ TESG ใหม่ โยกหน่วยลงทุนจาก LTF เดิม เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ส่วนกลยุทธ์รอจังหวะย่อ เน้นกลุ่ม Defensive ที่มี Valuation ที่น่าสนใจ

หุ้นแนะนำวันนี้ BH ราคาหุ้นปัจจุบันกลับมาซื้อขายที่บริเวณ PE 20 เท่า คิดเป็นระดับ PE-1.0 SD ซึ่งถือเป็นระดับ Valuation ที่น่าสนใจในระยะกลาง ยังมีจุดเด่นด้านการรักษาโรคยากซับซ้อน และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาพระยะกลางจะเพิ่ม Capacity ที่ภูเก็ต (ปลายปี 2026) รองรับการเติบโตที่มากยิ่งขึ้น ราคาเป้าหมาย 230 บาท