นวัตกรรมรองเท้า เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวาน มักมีปัญหาระบบปลายประสาทอักเสบทำให้เกิดแผลที่เท้า ปัญหาที่ตามมาคือ การติดเชื้อ แผลเป็นหนอง อาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตาย ผลการวิจัย King’s college พบว่า ผู้ป่วยที่หายเป็นแผลแล้วกลับมาใส่รองเท้าปกติ มีโอกาสเป็นแผล ซ้ำถึง 83%
รู้หรือไม่ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นแผลแล้วหายกลับมาใส่รองเท้าปกติ มีโอกาสเป็นแผล ซ้ำถึง 83% ซึ่งคนไทย 1 ใน 11 คนเป็นโรคเบาหวานมักมีปัญหาระบบปลายประสาทอักเสบทำให้เกิดแผลที่เท้า ติดเชื้อ แผลเป็นหนอง อาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตายหรืออาจนำไปสู่การตัดเท้า ซึ่งปัจจุบันมีคลิกนิกสุขภาพเท้าออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ ช่วยให้มีสุขภาพเท้าที่ดีขึ้น โอกาสในการถูกตัดเท้าน้อยลงด้วย
หากผู้ป่วยเบาหวานตรวจพบแต่เนิ่น ๆ จะไม่ต้องเสี่ยงถูกตัดนิ้วเท้า และหากใส่รองเท้าสุขภาพ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ และจากการวิจัยของ King’s college ประเทศอังกฤษพบว่าผู้ป่วยที่ใส่รองเท้าพิเศษสำหรับผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดแผลซ้ำเพียง 17% เท่านั้น
นายแพทย์สิทธิ์พงษ์ (หมอเฟิร์ส) มีภักดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า Podatrist จากประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่าคนไทย 1 ใน 11 คนเป็นโรคเบาหวานผู้ป่วยเบาหวาน มักมีปัญหาระบบปลายประสาทอักเสบทำให้เกิดแผลที่เท้า ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือ การติดเชื้อ แผลเป็นหนอง อาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตายหรืออาจนำไปสู่การตัดเท้าซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลก็มากขึ้น ซึ่งจากการวิจัยของ King’s college ของประเทศอังกฤษพบว่าผู้ป่วยที่หายเป็นแผลแล้วกลับมาใส่รองเท้าปกติ มีโอกาสเป็นแผล ซ้ำถึง 83%
ปัจจุบันมีศูนย์สุขภาพเท้าที่ออกแบบรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวานโดยเฉพาะ เมื่อผู้ป่วยมาที่คลินิกจะมีการ Screening test เพื่อตรวจวัดปลายประสาทเบื้องต้นของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก่อนว่าระบบประสาทเสื่อมไปในระดับที่เท่าไร หากปลายประสาทเท้า ขา มีอาการชา หมอจะเริ่มรักษาเชิงตรรกะใหม่ (New logical treatment) ตรวจเชิงลึกไปถึงส่วนปลายประสาทเท้าเพื่อดูระดับความเสี่ยง ตั้งแต่ระดับต่ำ-กลาง-สูง
เพราะหากมีการตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ก็จะเป็นการป้องกันได้ดี ช่วยให้ไม่ต้องเสี่ยงถูกตัดนิ้วเท้า และหากใส่รองเท้าสุขภาพ ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยเบาหวานโดยเฉพาะ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีสุขภาพเท้าที่ดีขึ้น โอกาสในการถูกตัดเท้าจะน้อยลงมาก จากการวิจัยของ King’s college ของประเทศอังกฤษพบว่าผู้ป่วยที่ใส่รองเท้าพิเศษสำหรับผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดแผลซ้ำเพียง 17% เท่านั้น
ทั้งนี้คลินิกสุขภาพเท้า(Foot Clinic) มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า คอยให้คำปรึกษากับคนที่มีปัญหาอาทิ ช่วงขาสั้นยาวไม่เท่ากัน เท้าเล็กใหญ่ เท้าแบน รองช้ำ เท้าอูมบวม กระดูก เท้าคดใส่รอง เท้าแบบปกติไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่จำเป็นต้องตรวจหลอดเลือดเชิงลึกเพื่อป้องกันการโดนตัดเท้า
โดยแพทย์ผู้รักษาจะตรวจและรักษาอาการทั่วไปตามหลักทางการแพทย์ มีการซักประวัติ สอบถามข้อมูลพฤติกรรมการเดินมีการตรวจสอบเชิงลึกไปถึง Manual Medical Skill ลักษณะทางกายภาพเท้าที่เกิดขึ้น (Pathology) รวมถึงในเรื่องของชีวกลศาสตร์ทางเท้า (Bio Mechanic) ลักษณะของการวินิจฉัยแบบใหม่ที่แพทย์เฉพาะทางเท้าเป็นผู้เชื่ยวชาญ และนอกจากดูลักษณะ Visualize แล้วยังต้องดูจาก Medial Technic โดยทางคลินิกมีเครื่องตรวจวัดเท้าด้วย Foot Pressure Sensor ซึ่งเป็นเครื่องวัดแรงกดเท้าจากการเดิน ที่ได้มาตรฐานจากประเทศอิตาลี
“คนไทยที่ไปเรียนด้านเท้าที่ออสเตรเลียส่วนใหญ่เมื่อจบการศึกษาก็จะตัดสินใจอยู่ที่นั่นเลย อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศไทยยังไม่เห็นความสำคัญเรื่องของเท้า ทั้งๆที่หากมองในเรื่องของการตลาดก็ยังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีอยู่ แต่จากการทำงานที่คลินิกสุขภาพเท้า เห็นได้ชัดเจนเลยว่านวัตกรรมจะช่วยให้คนไข้ได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข” หมอเฟิร์ส กล่าวทิ้งท้าย
นายพรศักดิ์ เตชะสมบูรณากิจ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาดรองเท้าสุขภาพแบรนด์ TALON บริษัท ฟุต คลีนิค จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีวัสดุที่เรียกว่า Plastazote สีเนื้อ ที่สามารถนำมาทำเป็นซับใน รองเท้าได้ นุ่มกว่าโฟมปกติถึง 3 เท่า ไม่เสียดสี และป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย โดยมีการวิจัยอย่างกว้างขวางว่าเป็นวัสดุที่ปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะส่วนใหญ่ปัญหาเท้าเกิดขึ้นจากการเดิน ดังนั้นการเดินตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน เพื่อตัดแผ่นรองเฉพาะบุคคลจึงเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลจริง กว่าการเหยียบโฟม หรือ หล่อปูน ซึ่งเป็นวิธีที่ล้าสมัย และได้ประสิทธิภาพน้อยกว่ามากเพราะไม่สามารถรู้แรงกดของเท้าเลยว่าปัญหาอยู่ที่จุดไหน
สำหรับคนที่มีปัญหาเท้าแบน รองช้ำ กระดูกโปน ขาสั้นยาว ฯลฯ อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถนัด ตรวจเท้าออนไลน์ กับคุณหมอได้ โดยจะใช้วิธีการวีดีโอคอลคุยกับผู้ป่วยเพื่อสอบถามอาการกับปัญหาเบื้องต้นแต่ถ้าหากผู้ป่วยเป็นมาก ก็ต้องหาโอกาสมาที่คลินิก เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด จะใช้เครื่องแสกน 3 มิติ เพื่อตรวจวัด องศาเท้า ว่าเอียงผิดปกติกี่องศา คู่กับ เครื่องวัดแรงกดเท้าจากการเดิน จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
- ป่วยเบาหวาน5.3 ล้านในปี 2583
ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง กล่าวว่า ตัวเลขปี 2562 ประชากรไทยวัยผู้ใหญ่ป่วยเป็นโรคเบาหวานถึง 4.8 ล้านคน และมักเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมาจากวิถีชีวิตแบบเนือยนิ่ง โรคอ้วน และอายุที่มากขึ้น
ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาเพียงร้อยละ 35.6 หรือเพียง 2.6 ล้านคน บรรลุเป้าหมายในการรักษาได้เพียง 0.9 คน ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานในเมืองไทยมีมากถึง 200 รายต่อวัน คาดการณ์ว่าความชุกของโรคเบาหวานจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.3 ล้านคนภายในปี 2583 ซึ่งหากดูแลรักษาได้ไม่ดีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไต และการถูกตัดเท้าหรือขา
นอกจากนี้พบว่า เบาหวานที่เกิดในวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว และผู้ใหญ่วัยต้นนั้น มีข้อมูลชี้ชัดว่าโรคมีความรุนแรงกว่าเบาหวานที่เกิดในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ รวมถึงตอบสนองต่อการรักษาได้น้อยกว่า นำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นกลุ่มประชากรในวัยทำงาน
- บำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีแผลเรื้อรังที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยวิธี ไฮเปอร์แบริคออกซิเจนเทอราพี (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBO) หรือการรักษาด้วยการบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนในปริมาณสูงส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในเนื้อเยื่อรอบแผลมีมากขึ้น เซลล์ต่างๆ ในร่างกายที่มีหน้าที่ทำให้แผลหายจะทำงาน และช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อและหลอดเลือดฝอยใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การฉีดล้างแผลด้วยแรงดันสูง ซึ่งสามารถขจัดเศษเนื้อที่ตายและแบคทีเรียออกไปได้ เพื่อให้เซลล์งอกเกิดใหม่ และไม่มีเศษเนื้อที่ตายเป็นแหล่งสะสมให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้อีก
ไฮเปอร์แบริค (HBO) ไม่เพียงแต่สามารถรักษาแผลเบาหวานได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ แผลผ่าตัดทั่วไป บาดแผลไฟไหม้บาดแผลไม่สมานภายหลังการฉายรังสี ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดอาการปวดศีรษะ โรคหูดับ และการลดบวมแผลผ่าตัดศัลยกรรมความงาม ฯลฯ