อาหารนุ่ม - บดละเอียด 'ตำรับไทย' เพื่อผู้สูงวัยที่มีปัญหาการกลืน
เมื่ออายุมากขึ้นความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อและฟัน ทำให้การบดเคี้ยว กลืนอาหารลำบาก เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในภาวะฟื้นฟูร่างกายจากโรคต่างๆ หรือได้รับการผ่าตัด เป็นเหตุให้ผู้สูงอายุทานอาหารได้น้อยลง เบื่ออาหาร นำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการหรือขาดสารอาหารได้
ทั้งนี้ อาหารสำหรับสำหรับผู้สูงวัย ที่มีปัญหาการบดเคี้ยว กลืน แม้จะเป็นตลาดที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ไม่หวือหวาเหมือนตลาดสินค้าและบริการผู้สูงอายุอื่นๆ เนื่องจากไม่ใช่ผู้สูงอายุทุกคนจะซื้อมารับประทาน แต่ใช้แค่บางกลุ่มเท่านั้น ทำให้ความหลากหลายของรสชาติอาหารกลุ่มนี้ในท้องตลาด มักจะอยู่ในรูปแบบรสนม ช็อกโกแลต เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจไม่ใช่รสชาติที่คุ้นเคยสำหรับคนไทย
จากปัญหาดังกล่าว นำมาซึ่งการหยิบงานวิจัย “อาหารข้นหนืด ตำรับไทย สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะกลืนลำบาก” โดย ผศ.ดร.พร้อมลักษณ์ สมบูรณ์ปัญญากุล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาต่อยอดสู่การผลิตและจัดจำหน่ายจริงในชื่อ "ซอฟท์สปูน" (SOFT Spoon) อาหารนุ่มบดละเอียดสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาฟัน เคี้ยวหรือกลืนลำบาก
พัฒนาโดยทีมนักโภชนาการ นักกำหนดอาหารที่มีประสบการณ์ ร่วมกับ เชฟ R&D และนักวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีอาหารกว่า 10 คน โดยให้ความสำคัญกับอาหารที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานง่าย เข้าถึงรสชาติแท้ๆ ของตำรับไทย และมีโภชนาการที่เหมาะสม โดยใช้เวลาการวิจัยและพัฒนากว่า 2 ปี
"สาธิศา สมบัติทวี" Managing Director บริษัท ดรีมไมนิ่ง จำกัด อธิบายถึงแรงบันดาลใจจากการหยิบเอางานวิจัยมาต่อยอดว่า เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องทำอาหารให้กับลูกและคุณยายทาน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่จำเจ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ขณะเดียวกัน จากการสำรวจตลาดส่วนใหญ่ พบว่า อาหารบดละเอียดจะมีลักษณะปั่นรวมกันทั้งหมด ไม่ค่อยอร่อย หรือมีรสชาติที่เป็นรสนม ช็อกโกแลต วนิลา หรือในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผู้สูงอายุบางคนอาจไม่คุ้นเคยกับรสชาติ และคิดว่าหากตัวเองอายุมากขึ้นแล้วไม่มีฟัน คงอยู่ไม่ได้กับอาหารแบบนี้
กระทั่งได้ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ได้เห็นนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีความหลากหลาย น่าทาน จึงกลับมาค้นคว้าข้อมูล นำมาสู่การต่อยอดงานวิจัยดังกล่าว เป้าหมาย คือ อยากจะสร้างความสุขในการรับประทานอาหารให้กับผู้สูงวัย อยากทำอาหารที่พอเรามีอายุเยอะขึ้นเรายังมีความสุขกับการทานอยู่
นอกจากนี้ ยังได้นำนวัตกรรม สารปรับความหนืด (Thickener) จากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้กับอาหารไทย โดยอาหารทุกเมนูจะทำการ บดละเอียด แต่แยกน้ำ แยกเนื้อ ในการปรับความข้นหนืด แล้วนำมาขึ้นรูปอีกครั้งให้หน้าตาน่าทานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคำนึงถึงทั้งด้าน Safety (ความปลอดภัย) ปรับระดับความข้นหนืดที่เหมาะสม ผ่านการตรวจสอบโดยนักกำหนดอาหารวิชาชีพ
Convenience (สะดวกสบาย) พร้อมทาน เพียงแค่อุ่นร้อน สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 เดือนในรูปแบบแช่แข็ง Hygiene (สุขอนามัย) เนื้อสัมผัสไม่เคลือบปาก ควบคุมการผลิตด้วยเครื่องแช่เยือกแข็ง (Blast Freezer) เพื่อคงคุณภาพที่ดีที่สุดของอาหาร และ Quality (คุณภาพ) ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ มีโภชนาการที่เหมาะสมกับผู้สูงวัย ปราศจากสารกันบูดและสารปรุงแต่งรสชาติ
ปัจจุบัน “SOFT Spoon” ถูกพัฒนาและดีไซน์ในรูปแบบเมนู อาหารนุ่มแช่แข็ง (Pureed Frozen Food) มากกว่า 10 เมนู อาทิ หมูพะโล้ ต้มแซ่บหมู ต้มยำกุ้ง น้ำพริกกะปิปลาทู ซึ่งใช้ปลาทูจริงๆ ทำให้สุก บด กรองก้าง และขึ้นรูปใหม่ โดยจัดจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ ส่งถึงบ้าน ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยระบบขนส่งเอกชนควบคุมอุณหภูมิ เก็บได้ 3 เดือน
นอกจากนี้ ยังพัฒนาต่อยอดสู่ อาหารเหลวบดละเอียด (Pureed Retort Food) ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน จำนวน 7 รสชาติ ทั้งเมนูข้าว และของหวาน สามารถอยู่ได้นานในอุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องแช่เย็นเป็นเวลา 1 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างขึ้นทะเบียนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.นี้ วางจำหน่ายที่ร้านขายยา โรงพยาบาล หรือ Nursing Home เป็นหลัก จากที่นำไปให้คุณหมอที่โรงพยาบาลทดสอบและชิม ส่วนใหญ่บอกว่าความข้นหนืดอยู่ในระดับดี
“อาหารสำหรับผู้สูงอายุ แม้จะเป็นตลาดที่ไม่กว้าง และเป็นตลาดเฉพาะ ผู้สูงอายุที่ยังทานได้จะมองว่ายังไม่ตอบโจทย์ ดังนั้น ตลาดอาจจะไม่โตมากหากเทียบกับตลาดผู้สูงอายุทั่วประเทศ แต่ความตั้งใจ คือ อยากให้คุณภาพชีวิตของกลุ่มที่ทานอาหารไม่ได้ มีความสุขมากขึ้น” สาธิศา กล่าวทิ้งท้าย