สธ. เผยไทม์ไลน์ ผู้ป่วยโควิด-19 จ.เชียงใหม่ สัมผัสเสี่ยง 326 ราย
สธ. เผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 จ.เชียงใหม่ พบเข้าเดินทางจากเมียนมาเข้าไทย 24 พ.ย. ไปผับ ห้าง โรงภาพยนตร์ เร่งติดตามผู้สัมผัส 326 ราย แบ่งเป็น เสี่ยงสูง 105 ราย เสี่ยงต่ำ 149 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอติดตามและรอผลการตรวจเชื้อ
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป และ นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควรคุมโรค แถลงข่าวกรณีไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ จำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิงอายุ 29 ปี ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่
นายแพทย์โสภณ ระบุว่า สำหรับกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศ 1 ราย จ.เชียงใหม่ เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี พบว่าติดเชื้อจากต่างประเทศ จากการสอบสวนโรคยืนยันว่าใน “วันที่ 24 ต.ค. – 23 พ.ย.” ผู้ป่วยคนดังกล่าว อาศัยใน จ.เชียงใหม่ แต่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเมียนมา
“วันที่ 23 พ.ย. เริ่มมีอาการไข้” ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว ทานยาลดไข้เอง และอาการมากขึ้น
“วันที่ 24 พ.ย. เดินทางกลับมาที่ไทย” ในช่วงเช้า ราว 05.00 น. ทาง อ.แม่สาย และเดินทางต่อมาที่ อ.เมืองเชียงรายโดยรถตู้ จากนั้นต่อรถบัสมา จ.เชียงใหม่ เวลา 11.00 - 14.51 น. และเรียกแกร็บคาร์ไปส่งคอนโด หลังจากนั้น ในช่วงกลางคืน ได้ไปสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านสันติธรรมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุหรี่ร่วมกัน
จากนั้น เวลา 02.00 น. ซึ่งเป็นเช้า “วันที่ 25 พ.ย. เข้าพักที่คอนโดของเพื่อน” ในช่วงนั้นมีการดื่มสุรา และเวลา 12.00 น. ออกจากคอนโดไปที่พัก ด้วยแกร็บคาร์ จากนั้น เวลา 15.30 น. เดินทางไปห้างใกล้ๆ มีการรับประทานอาหาร ชมภาพยนตร์ ซื้อของ และเรียกรถกลับคอนโดในช่วงเย็น ซึ่งจากการที่ทีมสอบสวนโรคได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า มีการสวมหน้ากากส่วนใหญ่ และมีบางช่วงที่ไม่ได้สวม
“วันที่ 26 พ.ย. เวลา 15.30 น. ได้มีการเรียกรถไปส่ง รพ.เอกชน” เพื่อตรวจสอบอาการป่วย รพ.ซักประวัติพบว่า มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ถ่ายเหลว อุณหภูมิ 36.9 องศา ส่งตรวจเชื้อ เวลา 22.00 น. ผลพบเชื้อ ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.นครพิงค์ ตรวจยืนยันเชื้ออีกครั้ง
“วันที่ 27 พ.ย. ผลตรวจเชื้อรอบสอง พบเชื้อ”
- ติดตาม ผู้สัมผัสเสี่ยง 326 ราย
นพ.โสภณ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่วานนี้ (27 พ.ย.63) ทีมสอบสวนโรค จ.เชียงใหม่ และทีมควบคุมโรค ได้ทำการสอบสวนโรคในพื้นที่ พร้อมดำเนินการติดตามผู้สัมผัส ทั้งหมด 326 ราย แบ่งเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย ในจำนวนนี้ เป็นคนพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย คอนโดผู้ป่วย คอนโดเพื่อน ห้างสรรพสินค้า 65 ราย และ ผับ 55 ราย ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 40 ราย ซึ่งเดินทางข้ามแดนมาด้วยกันโดยรถตู้ รถบัส จำนวน 35 ราย และ คนขับรถแกร็บคาร์ 5 ราย
ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย ประกอบด้วยชุมชน 140 คนคือ ในคอนโดฯ, ห้างสรรพสินค้า รวมถึงบุคคลากรทางการแพทย์ 9 ราย และผู้สัมผัสอื่น ๆ ในชุมชน 72 ราย
นพ.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อดูจากไทม์ไลน์จะเห็นว่า ผู้ป่วยรายนี้ มีระยะเวลาอยู่ในไทย วันที่ 24 – 26 พ.ย. จากการซักประวัติ เจ้าตัวไม่ได้ทราบว่าตัวเองจะเป็นโควิด-19 แต่เมื่อกลับมาไทยวันที่ 24 พ.ย. มีอาการแต่ยังไม่พบแพทย์ทันทีเพราะคิดว่าป่วยเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พฤติกรรมของผู้ป่วยรายนี้ ความเสี่ยงไปอยู่ในสถานที่โอกาสแพร่เชื้อ ทั้ง โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร สสจ. ในพื้นที่กำลังเร่งติดตาม ผู้ที่มีสัมผัสเสี่ยง ทั้งนี้ ความเสี่ยงแพร่เชื้อขึ้นอยู่หลายปัจจัย โดยเฉพาะพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา กลุ่มนี้จึงต้องได้รับการควบคุมเป็นพิเศษ
“ขณะนี้ผู้ป่วยอาการค่อนข้างดี ไม่มีไข้สูง คาดว่าผลการตรวจผู้ที่สัมผัสเสี่ยงน่าจะทยอยออกวันนี้ โดยทาง สสจ. เชียงใหม่ จะให้รายละเอียดต่อไป ด้าน ผู้ที่ลงทะเบียนแอปไทยชนะ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดึงข้อมูล ต้องกำหนดช่วงเวลา และแจ้งเตือน หากสงสัยว่าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ขอให้รีบมาพบแพทย์ หากใครที่แสกนไว้ มีประโยชน์ ดังนั้น ขอให้ร่วมมือ ย้ำอีกทีว่า ตามชายแดนจะมีโอกาสที่มีคนเดินทางเข้ามาตลอด ต้องยอมรับความจริงว่าชายแดนกว้างมาก แม้จะตรวจเจอตลอด สิ่งที่ต้องช่วยกัน คือ สอดส่องคนในพื้นที่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว” นพ.โสภณ กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า อาจจะมีโอกาสเจอผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ต้องติดตามจนครบ 14 วัน ถัดมา คือ ต้องดูว่าเขาใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ เช่น การเที่ยวผับ ในร้านอาหาร และประชาชนแถวนั้นใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่จาการประเมิน มีโอกาสเจอผู้ป่วยได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสอบสวน ตรวจผู้สัมผัส ผู้สงสัย
“ในส่วนที่มีข้อสงสัยว่าทำไมผู้ป่วยไม่มีการกักตัว 14 วัน ทางจังหวัดกำลังตรวจสอบการเข้าเมืองเพิ่มเติม หากพบว่าไม่ได้ผ่านจุดผ่านปกติ ไม่มีการกักตัว ซึ่งถือว่าทำผิดกฎหมายอาจต้องดำเนินคดี เพราะการติดเชื้อเป็นอันตรายตัวเขาเองและสังคม”
นพ.ปรีชา กล่าวเสริมว่า จะมีโอกาสเห็นกรณีแบบนี้เพิ่มขึ้นเพราะประเทศเพื่อนบ้านไทยมีผู้ป่วย และเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดพรมแดน ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ขณะที่การสอบสวนโรค ตอนนี้มีการวางทีมที่รวดเร็ว ซึ่งทำให้ถึงแม้ว่าจะรั่วเข้ามา ก็จะสามารถจัดการได้ ดังนั้น การที่จะลดความเสี่ยง หน้ากากอนามัยต้องสวม 100% ใช้เจลแอลกอฮอล์ ลงทะเบียนไทยชนะ ต้องช่วยกันดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะความเสี่ยงยังสูง ยังไม่สามารถลดการ์ดได้