6 เมษายน “วันเดินแห่งชาติ” ส่องสถิติการเดินคนไทย อยู่อันดับไหนของโลก?
เปิดที่มา "วันเดินแห่งชาติ" (สหรัฐอเมริกา) ปีนี้ตรงกับวันที่ 6 เมษายน โดยนับเอาวันพุธสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน พร้อมเผยค่าเฉลี่ยการเดินของคนไทย อยู่อันดับที่เท่าไรของโลก รวมไปถึงเคล็ดลับการเดินที่สนุกได้มากขึ้น
วันที่ 6 เมษายน นอกจากจะวันเป็นวันหยุด “วันจักรี” ของชาวไทยแล้ว ยังเป็น “วันเดินแห่งชาติ” (ในประเทศสหรัฐอเมริกา) ด้วย ซึ่ง "การเดิน" นับเป็นหนึ่งทางเลือกในการออกกำลังกายสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา แถมยังเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด และแทบจะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนรู้ คนไทยเดินมากน้อยแค่ไหน (เฉลี่ยใน 1 วัน) เมื่อเทียบกับคนชาติอื่นๆ ทั่วโลก แล้ววิธีการเดินออกกำลังกายแบบไหนที่น่าสนใจบ้าง?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
1. “วันเดินแห่งชาติ” เกิดขึ้นได้อย่างไร?
วันเดินแห่งชาติ ในสหรัฐ (National Walking Day) เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 โดยองค์กร American Heart ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพ ร่างกาย และอารมณ์ที่ดีด้วย “การเดิน” อย่างน้อย 30 นาที ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
ทั้งนี้แต่ละปีจะมีวันที่ไม่ตรงกัน แต่จะต้องดูว่าวันพุธสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนปีนั้นตรงกับวันใด อย่างเช่นปี 2565 นี้ตรงกับวันพุธที่ 6 เมษายน
2. ค่าเฉลี่ยการเดินของคนไทย อยู่อันดับเท่าไรของโลก?
จากสถิติเรื่อง “ค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวในการเดินของผู้คนทั่วโลกต่อวัน” รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปี 2560 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 700,000 ราย 46 ประเทศ มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
- คนทั่วโลกมีอัตราการเดินเฉลี่ย 4,961 ก้าวต่อวัน
- สหรัฐ มีอัตราการเดินเฉลี่ย 4,774 ก้าวต่อวัน (อันดับที่ 30)
- ไทย มีอัตราการเดินเฉลี่ย 4,764 ก้าวต่อวัน (อันดับที่ 31)
- ฟิลิปปินส์ มีอัตราการเดินเฉลี่ย 4,008 ก้าวต่อวัน (อันดับที่ 43)
- มาเลเซีย มีอัตราการเดินเฉลี่ย 3,963 ก้าวต่อวัน (อันดับที่ 44)
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สสช.) ยังได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกอีกด้วยว่า “เพศหญิง” มักชอบออกกำลังกายด้วย “การเดิน” มากกว่าผู้ชาย แต่ “ผู้ชาย” มักจะออกกำลังกายด้วย “การเล่นกีฬา” มากกว่า
โดยหากเจาะลึกถึงความนิยมต่อรูปแบบการออกกำลังกายของแต่ละเพศ พบข้อมูลดังนี้
เพศหญิง
- ชอบออกกำลังกายด้วย “การเดิน” มากที่สุดถึง 25.2%
- ตามด้วยการออกกำลังกับเครื่องมือ 21.4%
- เล่นกีฬา 18.2%
- การวิ่ง 16.5%
- เต้นแอโรบิก 11.5%
เพศชาย
- ชอบออกกำลังกายด้วย “การเล่นกีฬา” มากที่สุดถึง 50.5%
- ตามด้วยการวิ่ง 20.3%
- การเดิน 14.9%
- การออกกำลังกับเครื่องมือ 7.8%
- เต้นแอโรบิก 1.8%
3. เดินอย่างไรถึงจะดีต่อสุขภาพ?
การออกกำลังกายด้วย “การเดิน” เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะใช้แรงกระแทกต่ำ สามารถปรับความเร็วและระยะทางได้ด้วยตัวเอง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดีกับบุคคลที่มีอาการปวดเข่าหรือข้อเข่าเสื่อมด้วย
โดยข้อดีของ “การเดิน” มีตั้งแต่ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น เพิ่งความแข็งแรงให้กับกระดูก หรือยังช่วยให้ลดน้ำหนักได้เช่นกัน
จากการศึกษาเรื่องการเดินออกกำลังกายในงานวิจัย BioMed Central (BMC) ให้ข้อมูลไว้ว่า คนที่จะมีสุขภาพดี จะมีอัตราการเดินเฉลี่ยที่ 4,000-18,000 ก้าวต่อวัน โดยหากเดินได้ในระดับกลางๆ ที่จำนวน 10,000 ก้าว สามารถเทียบเท่าได้ว่า เดินได้ถึง 8 กิโลเมตร
- ทั้งนี้การเดินที่น้อยกว่า 5,000 ก้าวต่อวัน อาจยังไม่ค่อยดีนัก
- แต่หากเดินได้ถึงวันละ 7,500-10,000 ก้าวต่อวัน อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี
- และหากเดินมากถึงวันละ 12,500 ก้าวต่อวัน ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีมาก
4. วิธีการเดินที่ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ
- ใช้สมาร์ทวอร์ชนับจำนวนก้าว พร้อมกับการท้าทายตัวเอง
- ค่อยๆ เพิ่มจำนวนก้าวแบบไม่สูงเกินความสามารถ เพื่อให้มีกำลังใจ
- แบ่งจำนวนการเดินตามช่วงเวลาของวัน ให้มีหนักและเบาตามที่ตนไหว
- เดินขึ้นลงบันไดแทนเดินบนพื้นราบปกติ
- เดินไปพร้อมกับใช้สมาร์ทโฟนเล่นที่ต้องใช้การนับก้าวไปด้วย จำพวก Pokemon Go
------------------------
อ้างอิง: THE NATION THAILAND, Nature, Stanford news, Activity Inequality, CALENDARR, กรมอนามัย, Organic book, BMC