เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

ภาพรวมโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (ISAT) 170 กว่าแห่ง มีนักเรียนในเครือของสมาชิกประมาณ 80,000 คน มีครูประมาณ 8,000 คน

KEY

POINTS

  • ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติเกือบ 300 แห่ง โดย 70% จะอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ส่วน 30% จะตั้งอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เกาะสมุย ซึ่งมีอัตราการเติบโตปีละ 9%
  • DBS มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย double โดยขณะนี้ DBS ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์เด็กเกิดใหม่น้อยลง โรงเรียนนานาชาติ ต้องปรับตัวเพื่อรองรับความท้าทายที่เกิดขึ้น
  • 4 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยได้รับความนิยมจากผู้ปกครองทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ภาพรวมโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (ISAT) 170 กว่าแห่ง มีนักเรียนในเครือของสมาชิกประมาณ 80,000 คน มีครูประมาณ 8,000 คน โดยมูลค่าธุรกิจโรงเรียนนานาชาติก่อนโควิด-19 ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาทต่อปี แต่หลังโควิด-19 เปิดประเทศเพิ่มมากว่า 70,000 ล้านบาทต่อปี และคาดว่า ถ้ารวมโรงเรียนที่อยู่นอกสมาชิกสมาคม น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี

โดยมี โรงเรียนนานาชาติเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 7-8% จากเดิมที่มีสมาชิกเพียง 100 กว่าแห่ง ขณะนี้ เพิ่มจำนวนอย่างก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 170 กว่าแห่ง และมีแนวโน้มการเปิดโรงเรียนใหม่เพิ่มอีก  แต่ละปีมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่ 5-10 แห่ง

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

DBS เข้มวิชาการ ครอบคลุมทักษะที่จำเป็น

ไทยเติบโตสูงสุดในอาเซียน เกิน 10% ทุกปี'รร.นานาชาติ'ฮิตสะพัดแสนล้าน

โรงเรียนนานาชาติเติบโตปีละ 9%

ผศ.ดร.ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS Denla British School เล่าว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติเกือบ 300 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม 73 แห่ง หรือคิดเป็น 36% โดย 70% จะอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ส่วน 30% จะตั้งอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เกาะสมุย เป็นต้น อีกทั้ง มีอัตราการเติบโตปีละ 9% เมื่อเทียบกับย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตแบบดับเบิลดิจิตถึง 4 ปีซ้อน เรียกได้ว่าโรงเรียนนานาชาติของไทยเติบโตสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนด้านการศึกษาของพ่อแม่ในยุคปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพ่อแม่ที่มีฐานะจะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติเป็นหลัก เนื่องจากมีความมั่นใจในการปูพื้นฐานให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการแข่งขันทั้งทางด้านธุรกิจและการใช้ชีวิต ขณะเดียวกันพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ให้ความสำคัญด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

รวมทั้ง การวางแผนให้ลูกๆ หลานๆ ได้ศึกษาต่อในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ  และโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย มีมาตรฐานสูงแต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกกว่าเมื่อเทียบกับโรงเรียนนานาชาติในต่างประเทศ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติได้รับความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองในไทยและต่างชาติ

ปัจจัยรร.นานาชาติไทยได้รับความนิยม

“โรงเรียนเด่นหล้า บริติช สคูล DBS” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงซีเนียร์ สคูล จนถึงนักเรียนม.ปลาย ซึ่ง DBS มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย double  โดยขณะนี้ DBS ได้พัฒนาได้มีการเพิ่มพื้นที่การเรียนรู้ มีอาคารระดับมัธยมปลาย มีสิ่งอำนวยความสะดวก สัดส่วนนักเรียนของ DBS จะเป็นนักเรียนไทย 70% นักเรียนต่างชาติ 30% ซึ่งนักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่จะมาจากประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย  จีน  สิงคโปร์ และเกาหลี ส่วนนักเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้มีผู้ปกครองและนักเรียนจากประเทศพม่าให้ความสนใจมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศพม่า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการมาเรียนโรงเรียนนานาชาติไม่สูงมาก”

ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติไทยได้รับความนิยมจากผู้ปกครองทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินั้น มาจาก 4 ประเด็น คือ

1.หลักสูตรได้มาตรฐานสากล และมีความหลากหลายของหลักสูตรให้เลือก ซึ่งโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย จะมีหลักสูตรที่ผู้ปกครองให้ความนิยม อย่าง โรงเรียนนานาชาติในไทย ใช้หลักสูตรอังกฤษ ประมาณ 50% หลักสูตรอเมริกา ประมาณ 20 กว่า% และหลักสูตร International Baccalaureate (IB) โดยหลักสูตรเหล่านี้เป็นที่นิยม

2.ค่าเล่าเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ค่อนข้างไม่แพง เช่น การเรียนหลักสูตรอังกฤษ โรงเรียนนานาชาติในไทยอาจจะจ่ายประมาณ 600,000-800,000 บาท แต่ถ้าเรียน โรงเรียนนานาชาติในประเทศสิงคโปร์อาจจะเสียค่าเล่าเรียนเกือบ 2 ล้านบาท เป็นต้น

3.ค่าครองชีพในประเทศไทยค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกทั้งสภาพแวดล้อม อาหารการกิน และการเดินทางมาไทย หรืออาศัยใช้ชีวิตในประเทศไทยสะดวก  

4.หลายๆ ประเทศ อาทิ ประเทศจีน สิงคโปร์ มีกฎหมายที่ไม่ให้คนในประเทศเรียนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยค่อนข้างให้อิสระในการเรียน รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว พม่าและ เวียดนาม ส่งบุตรหลาน มาศึกษาในประเทศไทยเนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของการศึกษาและความเป็นอยู่

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

DBS มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย double

ผศ.ดร.ต่อยศ กล่าวต่อว่า DBS มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย double โดยขณะนี้ DBS ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์เด็กเกิดใหม่น้อยลง เหลือเพียงปีละ 500,000 คน โรงเรียนนานาชาติ จึงต้องปรับตัวเพื่อรองรับความท้าทายที่เกิดขึ้น โดยต้องแข่งขันกันมากขึ้นเรื่องคุณภาพ อีกทั้งพ่อแม่มีกำลังซื้อสำหรับเด็กคนเดียวมากขึ้น จึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก จำนวนนักเรียนที่มากขึ้น ไม่เพียงนักเรียนต่างชาติ แต่ในแง่นักเรียนไทย ผู้ปกครองสนใจและส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติมากขึ้น

ทั้งนี้ DBS ยังคงมุ่งเน้นการเรียนการสอนบนมาตรฐาน High Quality Learning ซึ่งจะเน้น  A-Level เพื่อสนับสนุนเส้นทางสู่มหาวิทยาลัย ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ในปีนี้จะมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมทั้งสร้างโครงการใหม่ ๆ ที่ส่งเสริม วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ รวมถึง การค้นพบ และ การเรียนรู้ด้วยตนเอง โครงการใหม่นี้จะรวมถึงพื้นที่เล่นในร่ม หรือ Indoor Soft Play Area ที่นักเรียนจะสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ใหม่อีก 3 ห้อง เนื่องจากปัจจุบันมีนักเรียนจำนวนมากขึ้นที่เลือกเรียนวิทยาศาสตร์ครบทั้งสามวิชา และ Innovation Centre หรือศูนย์นวัตกรรม

สำหรับการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชนอังกฤษ ไม่ได้มุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย โดยโรงเรียนได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มาสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

ปัจจุบันมี อาคารทั้งหมด 5 อาคาร ประกอบด้วย 1. อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล (Mini Dragons) 2. อาคารเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 (EY1-Year 11) 3. อาคารอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ เช่น โรงละครขนาดเล็ก (Black Box) สระว่ายน้ำ และ Dance Studio 4. พื้นที่โซนสนามกีฬาภายนอก ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ลู่วิ่ง สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส และกอล์ฟ

และส่วนที่ 5. อพาร์ตเม้นต์สำหรับเจ้าหน้าที่และครูต่างชาติ ขณะนี้ DBS กำลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอยู่ในส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ของ DBS ครั้งนี้ คือ เป็นการพัฒนาระยะที่ 2 ของโรงเรียน และคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ เพื่อรองรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นในปีการศึกษาถัดไป

โดยจะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (IT suite) โรงละครและหอประชุมขนาด 665 ที่นั่ง ห้องซ้อมดนตรีและเวที ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สตูดิโอศิลปะ สตูดิโอด้านประติมากรรม และสตูดิโอออกแบบ คุณภาพและความทันสมัยของ อาคารเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวกของ DBS อยู่ในระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

ทั้งด้านการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในทุกยุคทุกสมัย  โรงเรียนไม่สามารถสอนทุกอย่างได้ แต่การที่ให้นักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาความรู้เชิงลึก (Knowledge-rich curriculum) จะเป็นการเปิดทักษะที่สำคัญ คือ ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning) ซึ่งพวกเขาจะสามารถปรับตัวและเผชิญกับทุกความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างยั่งยืน หากพวกเขาสามารถต่อยอดความเข้าใจได้ด้วยตนเอง เมื่อเด็กได้เรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่ในโรงเรียน ความสามารถในการเรียนรู้ในอนาคตของเขาจะมากขึ้น

5 เสาหลักสูตรความสำเร็จของโรงเรียนนานาชาติ DBS

แม้ว่าในประเทศไทยจะมีโรงเรียนนานาชาติมากมาย แต่ DBS มี 5 เสาหลักสู่ความสำเร็จที่ทำให้เราแตกต่างจากที่อื่น ได้แก่

1.หลักสูตรโรงเรียนเอกชนอังกฤษที่มีการเพิ่มชั่วโมงเรียนให้นักเรียนได้มีเวลาค้นคว้าหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพื่อเป้าประสงค์ของการค้นพบตนเอง

2.ความเป็นเลิศด้านวิชาการสำหรับทุกคน โดยผลักดันให้นักเรียนทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตนถนัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.การปลูกฝังทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ดี และการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

4.การปลูกฝังพื้นฐานภาษา วัฒนธรรมไทย และความเข้าใจในบริบทของสังคมไทย พร้อมทั้งสามารถปรับตัวให้สอดรับกับทุกบริบทของทุกที่ทั่วโลก

5.ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

สำหรับเป้าหมายของ DBS คือ “Nurturing Great Global Leaders” หรือการสร้างนักเรียน DBS ให้เติบโตเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต โดยพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจในตนเอง ความช่างสงสัย ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น และการสื่อสาร สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนค้นพบความถนัดของตนเอง ซึ่งนับว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการเรียนรู้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้นักเรียนของ DBS เติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ประสบความสำเร็จ และสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้

ความแตกต่างหลักสูตรนานาชาติที่ผู้ปกครองไทยเลือกเรียน

1.หลักสูตรอังกฤษ

แบ่งออกเป็น 4 ขั้นเรียกว่า Key Stage (KS) เมื่อจบแต่ละขั้นครูจะประเมินผลการเรียนของเด็กๆ เริ่มต้นจาก ปฐมวัย อายุ 3-5 ปี สอนผ่านการเล่นและเกม เนื้อหาครอบคลุมการสื่อสารและภาษา การพัฒนาทางกายภาพ การพัฒนาส่วนบุคคล สังคม และอารมณ์ การอ่านและเขียน คณิตศาสตร์ การเข้าใจโลกภายนอก การแสดงออกทางศิลปะและการออกแบบ

ถัดมาเป็น KS1 อายุ 5-7 ปี และ KS2 อายุ 7-11 ปี วิชาที่ต้องเรียน ได้แก่ อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การออกแบบและเทคโนโลยี ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ ดนตรี การพัฒนาทางกายภาพ เช่น ว่ายน้ำ คอมพิวเตอร์ ภาษาต่างประเทศทั้งโบราณและสมัยใหม่

KS3 อายุระหว่าง 11-14 ปี วิชาส่วนใหญ่เหมือนกับ KS2 วิชาภาษาโบราณไม่ได้เรียนแล้วแต่จะมีวิชาพลเมือง (Citizenship) มาแทน KS4 อายุระหว่าง 14-16 ปี เด็กๆ จะได้เรียนหลักสูตร GCSE (General Certificate of Secondary Education) เด็กๆ มีโอกาสเลือกวิชาที่ตนอยากเรียนและสอดคล้องกับสาขาที่ต้องเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

2.หลักสูตรออสเตรเลีย

ซึ่งจะเริ่มใช้หลักสูตรเวอร์ชัน 9 โดยหลักสูตรกำหนดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นที่นักเรียนต้องรู้ และคุณภาพการเรียนที่นักเรียนจะได้รับในช่วง 11 ปีแรกในโรงเรียน วิชาที่สอน ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สุขภาพและพัฒนาการทางกายภาพ, มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เช่น วิชาหน้าที่และความเป็นพลเมือง เศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์, ศิลปะ เช่น เต้นรำ ละคร สื่อศิลปะ ดนตรีและทัศนศิลป์, เทคโนโลยี เช่น ออกแบบและเทคโนโลยี ดิจิทัลเทคโนโลยี, ภาษา

3.หลักสูตรสหรัฐอเมริกา

 การเรียนในสหรัฐจะเรียกชั้นต่างๆ ว่า Grade ขณะที่อังกฤษเรียกว่า Year แต่ทั้งสองประเทศใช้เวลาเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยรวม 16 ปีเท่ากัน ระบบโรงเรียนสหรัฐแบ่งออกเป็นสี่ช่วง ได้แก่ อนุบาล อายุ 4-6 ปี, ประถม เกรด 1-5 อายุ 6-11 ปี, มัธยมต้น เกรด 6-8 อายุ 11-14 ปี, มัธยมปลาย เกรด 9-12 อายุ 14-18 ปี

ในระดับอนุบาล จะได้เรียนรู้เรื่องแนวคิดการเขียนด้วยตัวพิมพ์ ตัวอักษร ตัวเลขพื้น การเข้าสังคมในโรงเรียน ระดับประถมต้นเรียนการอ่าน คณิตศาสตร์พื้นฐาน และแนวคิดพื้นฐานของวิชาต่างๆ จากนั้นเรียนในหัวข้อที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งเปิดโอกาสการเรียนรู้ในวิชาอื่นที่ไม่ใช่วิชาหลัก

ส่วนเกรด 6-8 เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากนักเรียนประถมสู่ไฮสคูล ช่วงชั้นนี้นักเรียนจะเริ่มเลือกได้บางวิชา และลงลึกที่ไม่ใช่วิชาหลัก ส่วนมัธยมปลาย (เกรด 9-12) หลักสูตรประกอบด้วยวิชาหลากหลาย รวมถึงโครงการพิเศษซึ่งโรงเรียนแต่ละแห่งมีข้อกำหนดต่อนักเรียนแตกต่างกันไป

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดโรงเรียนนานาชาติมากขึ้น เช่น กลุ่มคันทรีกรุ๊ป กลุ่มสหพัฒน์ และกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป กลุ่มธนาคารกรุงเทพ เพราะโรงเรียนนานาชาติยังเป็นที่ต้องการของตลาด และมีอัตราค่าเทอมหลายระดับ โดยเฉพาะตลาดล่างที่เริ่มขยายตัวชัด ทำให้จำนวนนักเรียนเข้าเรียนมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของภาครัฐ ปัจจุบันได้สนับสนุนโรงเรียนนานาชาติมากขึ้น เช่น การให้วีซ่าครูต่างชาติ ใบอนุญาตทำงาน (เวิร์กเพอร์มิต) และมีการส่งเสริมให้สมาคมโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนนานาชาติไปออกบูท กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนในไทย ส่วนเรื่องกฎหมายคาดว่าคงต้องใช้เวลาในการพัฒนา

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย

เหตุใด? เด็กต่างชาติ -เด็กไทย แห่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย