เทคนิคเรียกเงินเดือน ทำอย่างไร? เพิ่มโอกาสเงินเดือนขึ้น
การทำงานทำให้ทุกคนมีเงินเดือน มีรายได้เลี้ยงชีพในแต่ละวัน แต่ละเดือน และสร้างฐานะความเป็นอยู่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างในชีวิต ล้วนขับเคลื่อนด้วย “เงิน”
KEY
POINTS
- เมื่อต้องการเพิ่มโอกาสเงินเดือนสูง จะต้องประเมินความสามารถของตัวเอง รู้มูลค่าของตำแหน่งงาน กำหนดเป้าหมายเรื่องเงิน หน้าที่รับผิดชอบ และรู้ทันความต้องการของคนที่มีส่วนตัดสินใจ
- การจะเรียกเงินเดือน ต้องคำนวณต้นทุน และดูว่ามีอะไรที่จะเสียหรือได้เพิ่มก่อน ทั้งเรื่องค่าเดินทาง ค่าที่พัก สวัสดิการ โบนัส และเวลา
- 5 สิ่งที่ควรมีก่อนจะเรียกเงินเดือนเพิ่ม คือ สะสมประสบการณ์ ต่อยอดความรู้ เพิ่มคุณสมบัติ โชว์ผลงาน และพัฒนาไม่หยุดยั้ง
การทำงานทำให้ทุกคนมีเงินเดือน มีรายได้เลี้ยงชีพในแต่ละวัน แต่ละเดือน และสร้างฐานะความเป็นอยู่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างในชีวิต ล้วนขับเคลื่อนด้วย “เงิน” และนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราทุกคนต้องขยันทำงาน เพื่อได้เงินเดือน มีเงินเยอะๆ
“เงินเดือน” จึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยและจุดมุ่งหมายสำคัญของการทำงาน ขึ้นชื่อว่า “งาน” ก็ต้องมีภาระหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบและทุมเทแรงกายแรงใจทำงานเป็นเรื่องธรรมดา หากงานที่ทำอยู่จะเหนื่อยจะเครียด แต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับแรงกายแรงใจที่ทุ่มเททำลงไปแล้วล่ะก็คงไม่มีปัญหาอะไร
หากเป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถจากเราสูงมาก แต่ให้ผลตอบแทนไม่สมน้ำสมเนื้อ จะมีวิธีไหนไหมที่จะทำให้เราสามารถขอขึ้นเงินเดือนให้มากกว่าเดิม มาดูเคล็ดลับเพิ่มโอกาสได้เงินเดือนสูงกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“วัยทำงาน” ต้องเช็ก! เสี่ยงเป็น “ซึมเศร้าจากการทำงาน” หรือไม่ ?
เทคนิคเรียกเงินเดือนให้สมเหตุสมผล
การจะเรียกเงินเดือน ต้องคำนวณต้นทุน และดูว่ามีอะไรที่จะเสียหรือได้เพิ่มก่อนจะถึงการใส่จำนวนเงินเดือนที่อยากได้ เราต้องกลับมาคิดก่อนว่าเงินเดือนที่จะขอคุ้มค่าไหม? ดังนั้น ต้องเอาต้นทุนต่าง ๆ ที่มักจะชอบลืมไปมาคิดคำนวณด้วยว่าหากรับงานดังกล่างด้วยจำนวนเงินเดือนเท่านี้ ต้องพิจารณาจาก
1. ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร
การย้ายงานแต่ละที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงไป เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก หรือค่าอาหารที่ บางที่ให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ออฟฟิศอยู่ในเมือง ต้องเดินทางหลายต่อเพราะบ้านอยู่ชานเมือง จะซื้อกาแฟแต่ละทีก็แก้วละเป็นร้อย หรือบางที่ให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ให้พนักงานทำงานแบบ Work from Home ซึ่งก็ประหยัดค่าน้ำมันไปได้หลายพัน ดังนั้นลองคิดคำนวณค่าใช้จ่ายที่ทำงานคร่าว ๆ ต่อเดือนแล้วทดไว้ในใจก่อน
2. สวัสดิการต่าง ๆ
ดูว่าบริษัทใหม่มีสวัสดิการอะไรให้บ้าง เช่น วันหยุด ค่าล่วงเวลา ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหาร เบี้ยขยัน รวมถึงพวกค่ารักษาพยาบาลก็สำคัญมาก ยิ่งถ้าได้ประกันกลุ่มที่จ่ายค่ารักษาได้อย่างครอบคลุม เมื่อเจ็บป่วยเราไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายก็อาจจะช่วยลดภาระของเราในอนาคตได้ ซึ่งคนทำงานส่วนใหญ่มักจะชอบเลือกไม่ได้ระหว่างเงินเดือนเยอะแต่ไม่มีสวัสดิการอะไรเลย กับเงินเดือนตามเรททั่วไปแต่สวัสดิการแน่น ดังนั้น เอามาคิดคำนวณให้ดีว่าสวัสดิการที่ทำงานใหม่คุ้มแค่ไหนกับเงินเดือนที่เราได้ และสวัสดิการพวกนั้นเป็นสวัสดิการที่เราต้องการรึเปล่า
สิ่งที่ต้องนำมาคำนวณก่อนเรียกเงินเดือน
3. โบนัส
พิจารณาว่ามีโอกาสที่จะได้โบนัสมากขึ้นไหม หรือมีการันตีโบนัส (Fixed Bonus) ให้กี่เดือน เอามาคำนวณรวมกับเงินเดือนแล้ว เฉลี่ยเราจะมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ และเราโอเคกับตัวเลขนั้นไหม แต่บางคนก็ชอบโฟกัสกับโบนัสมากเกินไป จนยอมลดเงินเดือนตัวเองเพื่อโบนัสที่เยอะขึ้น สิ่งที่อยากบอกคือโบนัสไม่ใช่เงินเดือนที่เราจะได้อย่างแน่นอนทุกเดือน แต่มันเป็นเงินที่เราจะได้ตามผลประกอบการของบริษัท ถ้าผลประกอบการไม่ดี เขาจะจ่าย หรือไม่จ่ายก็ได้ หรือบางบริษัทมีการันตีโบนัสให้ก็จริง แต่พอเจอสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงอย่างเช่นโควิด-19 เข้าไป ขอลดเงินเดือนแทนก็มี
4. เวลา
หลายคนอาจจะคิดถึงแค่เวลาในขณะที่ทำงาน แต่ความเป็นจริงแล้ว “เวลา” ที่เราเสียไปมันมากกว่านั้น และมันมีค่า บางคนใช้เวลาเดินทางไปที่ทำงานหลายต่อ ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงต่อวันในการเดินทาง กว่าจะถึงที่ทำงานก็เหนื่อย หมดเรี่ยวแรงจะทำงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ไม่อยากจะทำอะไรต่อแล้ว บางบริษัทให้วันหยุดแค่วันเดียว หรือให้ทำงานหนักเกิน 8 ชั่วโมง Work-Life Balance ของเราก็เสีย ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำ ดังนั้นต้องอย่าลืมคิดถึงเวลาที่เราต้องเสียไปกับงานงานนี้ด้วยเพราะเวลาที่เสียไปเหล่านั้นก็มีผลต่อสุขภาพกายและจิตใจเราด้วยเช่นกัน
เด็กจบใหม่ เรียกเงินเดือนอย่างไรดี?
กลุ่มนักศึกษาจบใหม่เป็นกลุ่มคนทำงานที่ใหม่มากกับการเรียกเงินเดือน เพราะถ้าเรียกมากไปบริษัทก็ไม่เลือก หรือเรียกน้อยไป เขาก็อาจจะข้องใจเรื่องความสามารถ ดังนั้น สิ่งที่เด็กจบใหม่จะเรียกเงินเดือน ควรมองสิ่งเหล่านี้
- เรียกเงินเดือนตามโครงสร้างเงินเดือนในตลาดงาน หรือตามโครงสร้างบริษัท
เรทโครงสร้างเงินเดือนในตลาดงานสำหรับเด็กจบใหม่ อาจค้นหาข้อมูลตำแหน่งที่เราสนใจในเว็บไซต์หางานต่าง ๆ เช็กดูว่าตำแหน่งนี้สำหรับเด็กจบใหม่ บริษัทต่าง ๆ มีช่วงเงินเดือนที่ประมาณเท่าไหร่ ลองดูหลาย ๆ บริษัทแล้วเอามาอ้างอิงเงินเดือนที่จะขอ รวมถึงอาจจะลองหาข้อมูลและขอคำแนะนำจากคนในสายงานนั้นทาง Community ต่าง ๆ
แต่แนะนำว่าต้องเช็กให้ดีว่าข้อมูลนั้นอัปเดทหรือไม่ เพราะหลังจากเกิดโควิด-19 หลายสาขาอาชีพมีเรทโครงสร้างเงินเดือนที่เปลี่ยนไป บางที่อาจจะลดลงหรือบางที่อาจจะเพิ่มขึ้น อย่างเช่นงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นที่ต้องการมากขึ้นก็อาจจะมีเรทที่สูงขึ้นกว่าเดิม
- ประเมินจากข้อมูลของบริษัท และผลประกอบการ
ควรต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทนั้น ๆ ก่อนว่าเขาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือ บริษัทสตาร์ทอัพ ซึ่งถ้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เราสามารถเรียกเงินเดือนตามเรทโครงสร้างเงินเดือนในตลาด หรือบอกว่าตามโครงสร้างบริษัทก็ได้ เพราะบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งมักจะมีโครงสร้างเงินเดือนที่ชัดเจน ถ้าเป็นบริษัทไซส์กลาง ๆ ที่ยืดหยุ่นกว่า อาจจะต่อรองเงินเดือนได้สะดวกกว่า หรือถ้าเป็นบริษัทสตาร์อัพหรือบริษัทขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ก็อาจจะต้องศึกษาบริษัทนั้นให้ละเอียดหน่อย บางแห่งที่ดูเหมือนจะมีพนักงานน้อย ดูเป็นบริษัทขนาดเล็ก ก็ไม่หมายความว่าเขาจะไม่มีศักยภาพในการจ่ายเงินเดือนพนักงานสูง ๆ บางครั้งบริษัทเองก็อาจจะใช้เงินเดือนมาเป็นสิ่งสร้างแรงจูงใจและดึงดูดคนมาร่วมงาน เพราะเขายังไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเหมือนบริษัทขนาดใหญ่
- อยากเรียกได้สูงก็ต้องเอาความสามารถเข้าช่วย
การที่เราไม่มีประสบการณ์ไปการันตีความสามารถ เราก็ต้องเอาทักษะที่มีไปการันตีกับเขาแทน เราต้องเป็นเด็กจบใหม่ที่มีความโดดเด่น และมีทักษะที่สามารถไปต่อรองตัวเลขเงินเดือนได้ เช่น ทักษะภาษาที่สาม หรือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ต่อการทำงาน การรับเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เป็นเรื่องที่อาจจะค่อนข้างเสี่ยงต่อบริษัท เพราะเขาไม่มีตัวการันตีอะไรเลยว่าเราจะสามารถทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้ไหม ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องพยายามขายความสามารถให้เขาตัดสินใจให้เงินเดือนตามที่เราขอ
แต่สำหรับเด็กจบใหม่อีกสิ่งที่อยากจะแนะนำคืออย่าไปคาดหวังกับเงินเดือนมาก เพราะมันก็เป็นแค่เงินเดือนแรกของเรา เรายังมีชีวิตการทำงานอีกหลายปี อย่าไปคาดหวังว่าเราจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ แต่ให้คาดหวังว่าเราจะได้ประสบการณ์อะไรจากบริษัทดีกว่า
วิธีเพิ่มโอกาสได้เงินเดือนสูง
1.ประเมินระดับความสามารถของตัวเอง
ผลตอบแทนเงินเดือนมักแปลตรงตามกับระดับความสามารถ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการประเมิณความสามารถของตัวคุณเอง ว่าคุณทำงานได้ดีในระดับไหน มีความสามารถอะไรบ้าง มีความรู้และประสบการณ์อะไรที่จะเอาใช้ทำงานได้ การรู้ความสามารถของตัวเองจะทำให้คุณสามารถประเมิณเบื้องต้นได้ว่าคุณเหมาะกับเงินเดือนระดับไหน เงินเดือนที่คุณได้รับอยู่คุ้มค่ากับความรู้ ความสามารถ ผลงานและความทุ่มเทในการทำงานของคุณไหม หากต้องการเรียกเงินเดือนเพิ่ม ก็จะได้มีเหตุผลที่ชัดเจนเอาไปคุยกับเจ้านาย หรือหากต้องการเปลี่ยนงานก็จะได้มีเหตุผลไว้ไปต่อรองเงินเดือนกับที่ทำงานใหม่ได้อย่างเหมาะสม
2.รู้มูลค่าของตำแหน่งงาน
นอกจากรู้จักความสามารถของตัวเองแล้ว คุณต้องรู้ด้วยว่ามูลค่าของตำแหน่งงานที่คุณทำอยู่ หรือตำแหน่งงานที่คุณกำลังไปสมัครมีมูลค่าอยู่ที่เท่าไหร่ โดยทำการศึกษาแนวโน้มอัตราเงินเดือนของตำแหน่งนี้ในตลาดงาน รวมไปถึงการศึกษาโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทและองค์กร เพราะโครงสร้างเงินเดือนเป็นตัวกำหนดว่าแต่ละตำแหน่งในบริษัทควรได้เงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ พร้อมกับเปรียบเทียบเงินเดือนในตำแหน่งเดียวกันกับบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน หรือมีมูลค่าองค์กรใกล้เคียงกัน
รวมถึงศึกษาความสำคัญของตำแหน่งในบริษัทนั้น ๆ เพราะหากคุณทำงานด้านกฎหมาย การเข้าทำงานในบริษัทที่มีฝ่ายกฎหมายไว้ค่อย support เทียบกับการทำงานในบริษัท Law firm ที่ทำธุรกิจในคำปรึกษาด้านกฎหมายโดยเฉพาะก็อาจทำให้มูลค่าเงินเดือนแตกต่างกันอย่างมากเลยก็ได้
เป้าหมายเรื่องเงินต้องเหมาะสมกับงาน
3.กำหนดเป้าหมายเรื่องเงิน หน้าที่ความรับผิดชอบและสิ่งที่ต้องแลกให้ชัดเจน
เมื่อรู้ขีดความสามารถของตัวเองและฐานเงินเดือนในตลาดแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรทำก็คือการสามารถบรรทัดฐานเรื่องเงินเดือนของตัวเองให้ชัดเจน ตั้งเป้าหมายให้ชัดว่าเงินเดือนน้อยที่สุดที่รับได้อยู่ที่เท่าไหร่ หรือมากที่สุดที่คาดหวังว่าจะได้อยู่ที่เท่าไหร่ โดยให้คำนึงถึงหน้าที่ความรับผิดชอบและการทุ่มเทให้กับงานเป็นสำคัญ เพราะเงินเดือนก็คือค่าจ้างที่บริษัทจ่ายให้เราทำงานให้ จึงควรเอาปัจจัยด้านอื่น ๆ มาพิจารณาด้วย เช่น
- เวลาในการทำงาน เหมาะสมกับเงินเดือนไหม ต้องทำงานนอกเวลาบ่อย หรือมีวันหยุดเพียงพอ ให้ตัวเราเองได้สามารถมีแรงทำงานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สุขภาพกายและใจ งานที่ทำเป็นงานที่ต้องโหมใช้ร่างกายหนัก หรือเป็นงานที่มีความเครียดสูงหรือเปล่า เหมาะสมกับขีดจำกัดด้านสุขภาพของตัวคุณเองไหม และคุณคิดว่าคุ้มค่ากับเงินเดือนที่ได้รับเหรือเปล่า
- การเดินทาง ที่ทำงานอยู่ห่างจากบ้านของคุณมากแค่ไหน คุณต้องเสียเวลาเดินทางแต่ละวันเท่าไหร่ คุ้มค่ากับความเครียดระหว่างเดินทางมากน้อยแค่ไหน หรือคุณมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเหมาะสมกับเงินเดือนหรือไม่
- การพัฒนาตัวเอง งานที่ทำตอบโจทย์ด้านการพัฒนาตัวเองของคุณแค่ไหน หรือคุณจำเป็นต้องไปลงคอร์สเรียนเพิ่มเติม คอร์สเรียนเหล่านี้บริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ หรือคุณต้องเป็นฝ่ายออกเอง
- เนื้องานตอบโจทย์ความสนใจ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นประสบการณ์ต่อยอดในสายอาชีพของคุณได้ ซึ่งเงินเดือนอาจไม่ได้มากแต่คุณอาจจะพอใจในข้อนี้จนไม่อยากเรียกเงินเพิ่มก็ได้ หรือบางครั้งงานก็ตอบโจทย์ passion และให้เงินเดือนที่ดีไปพร้อม ๆ กันก็ได้
- ค่าเข้าสังคม หากเงินเดือนของทุกคนในออฟฟิศสูงก็มีสิทธิ์สูงมากที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าสังคมสูง หรือหากคุณได้เงินเดือนสูงขึ้นเพราะอยู่ในตำแหน่งหัวหน้างานที่อาจจะต้องเลี้ยงลูกน้องบ้าง โดยที่เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องออกเอง ก็สามารถเอามาเป็นปัจจัยในการกำหนดเป้าหมายในการเรียกเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นของคุณได้เช่นกัน
4.รู้ทันความต้องการของคนที่มีส่วนในการตัดสินใจ
คุณจะต้องประเมิณสถานการณ์ให้ได้ว่าความต้องการที่บริษัทมีต่อตัวคุณมีมากแค่ไหน บางครั้งคุณรู้สึกว่าคุณทุ่มเททำงานอย่างหนักแต่บริษัทก็มีคนอื่นที่ทำงานคล้าย ๆ คุณอยู่แล้ว ถ้าคุณไปขอขึ้นเงินเดือนก็อาจเป็นไปได้ยาก คุณอาจจะต้องเลือกวิธีเปลี่ยนงานแทน แต่ถ้าคุณเป็นคนสำคัญของบริษัท เป็นพนักงานที่ถ้าบริษัทขาดคุณไปอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ และหัวหน้าคุณเองก็รู้ว่าจะหาคนมาแทนที่คุณได้ยาก ในสถานการณ์แบบนี้ตัวคุณเองจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นกว่าเดิม การรู้ทันสถานการณ์และความต้องการของคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจใช้ได้กับทั้งการขอขึ้นเงินเดือนในบริษัทที่ทำอยู่เดิม หรือจะเรียกเงินเดือนเพิ่มเมื่อต้องย้ายงานก็ได้
5 สิ่งที่จะทำให้เรียกเงินเดือนสูงขึ้นได้
สิ่งสำคัญของการเรียกเงินเดือน คือ การได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและการทุ่มเททำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากคุณรู้จักพัฒนาตัวเอง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองผ่านการเรียนรู้และตั้งใจทำงานให้ดีอยู่เสมอ เชื่อได้ว่าคุณจะสามารถมีเงินเดือนดีตามที่คุณใฝ่ฝัน ที่มาพร้อมกับงานที่ตรงตามความต้องการ สร้าง passion และเติมเต็มความหมายของชีวิตพร้อมทั้งให้ความสุขได้ไม่ยาก
สำหรับ 5 สิ่งที่จะช่วยให้วัยทำงาน เรียกเงินเดือนได้สูงขึ้นมีดังนี้
1. สะสมประสบการณ์
เป็นคุณสมบัติที่บริษัททุกแห่งต้องการ เพราะประสบการณ์จะบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญ วุฒิภาวะ และศักยภาพในสายงาน ยกระดับคุณค่าในตัวคุณให้โดดเด่น ไม่ต้องเสียเวลาสอนงานกันมาก จะช่วยให้คุณได้เงินเดือนอัพขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ต่อยอดความรู้
ลองหาเวลาเรียนเพิ่มเติมในสายงานหรือที่ใกล้เคียงดูค่ะ อาจเป็นปริญญาโทหรือคอร์สวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ หรือสอบ TOEIC เก็บคะแนนไว้เพื่อนำมาต่อยอดงาน บางทีคุณอาจได้อัพเงินเดือนจากที่ทำงานเดิม โดยไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครงานใหม่อีกด้วย
3. เพิ่มคุณสมบัติ
อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คืออย่าหยุดยั้งที่จะเพิ่มพูนทักษะด้านต่าง ๆ ให้แน่นยิ่งขึ้น เช่น ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ความรู้ด้านไอที ความรู้รอบตัว เสริมความแข็งแกร่งด้านภาษาอังกฤษ เรียนรู้ภาษาที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือภาษาอาเซียนก็ตาม เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะที่ทำงานเก่าหรือที่ทำงานใหม่ต่างก็ยอมทุ่มเงินเดือนให้คุณมาร่วมงานอย่างแน่นอน
4. โชว์ผลงาน
การโชว์ผลงานในที่นี้ไม่ใช่เป็นการโอ้อวดงานที่ทำนะคะ แต่เป็นการแสดงฝีมือให้บริษัทเห็นว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอที่จะพิจารณาขยับเรื่องเงินเดือนในตอนประเมินผลปลายปี หรือเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ แสดง Portfolio ผลงานต่าง ๆ ที่คุณเคยทำให้บริษัทใหม่ได้เห็นตอนสัมภาษณ์งาน นอกจากจะทำให้ผู้สัมภาษณ์งานเห็นความมีระบบระเบียบในการทำงานแล้ว เงินเดือนใหม่ที่ได้ก็อาจถูกใจคุณไม่น้อยทีเดียว
5. พัฒนาไม่หยุดยั้ง
เมื่อเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ด้วยเงินเดือนที่ต้องการแล้ว ก็ควรแสดงศักยภาพ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความทุ่มเทในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ด้วย พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของเขาอย่างจริงใจ หมั่นพัฒนาฝีมืออยู่เสมอ ด้วยการเสริมในสิ่งที่ขาด รับอาสาทำงานยาก เพื่อได้รู้รอบด้าน ไม่แสดงการเปรียบเทียบ คุยโวโอ้อวดจนเกินงาม และคอยวัดผลตัวเองอยู่เสมอว่า ศักยภาพของคุณพร้อมพอที่จะก้าวกระโดดในขั้นต่อไปหรือยัง หากคุณทำได้ไม่ใช่แค่เงินเดือนที่จะอัพขึ้นเท่านั้น ตำแหน่งหน้าที่อีกหลายอย่างก็รออัพตามไปด้วยแน่นอน
เพียงแค่ 5 วิธีเท่านี้คุณก็จะได้พบกับงานใหม่ที่ใช่ และความท้าทาย พร้อมค่าตอบแทน หรือเงินเดือนที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ที่คุณเชื่อว่ามันสามารถช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น แต่สิ่งที่คุณได้มากกว่าค่าตอบแทน ก็คือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด การไม่หยุดที่จะพัฒนาศักยภาพภายในตัวเองให้สูงขึ้น พร้อมการเผชิญประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทาย และคุ้มค่าที่จะลอง แล้วคุณจะได้รู้ว่าที่สุดของชีวิต แท้จริงแล้วมันอาจไม่ใช่เรื่องปริมาณค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลเพียงอย่างเดียว