ทีมต้อง“เคมี-เอนเนอร์ยี”เดียวกัน จุดแข็ง ZORT สตาร์ตอัปสัญชาติไทย

ZORT แพลตฟอร์มจัดการร้านค้าออนไลน์ครบวงจร ที่เปิดให้บริการครบรอบ 9 ปี ถือเป็นความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ สตาร์ตอัปสัญชาติไทย ที่เป็นเทคคอมปานีแต่ Work from Home 100 % ในการเป็นผู้นำด้านระบบจัดการหลังบ้านที่ตอบโจทย์ธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ขนาดเล็กให้เติบโตได้ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดออนไลน์     

บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด (Zort) พัฒนาระบบจัดการออเดอร์และสต็อก แพลตฟอร์มที่ใช้ง่ายที่ช่วยสร้าง ECOSYSTEM ให้ระบบการขายของทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่ระบบ Inventory, ระบบเชื่อมต่อร้านค้า, ระบบ Logistic,ระบบ Fulfillment, ระบบ Payment Gateway ไปจนไปถึงระบบบัญชี 

รวมถึงฟีเจอร์ส่งเสริมการขายจำนวนมาก ที่พัฒนาจากความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงและการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analysis) เพื่อต่อยอดพัฒนาการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ต้องการสนับสนุนการเติบโตของลูกค้า เนื่องจากสามารถทราบถึงต้นทุนจากการขาย วิเคราะห์แนวโน้มกำไร เรียกดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับสถิติการขายของเจ้าของร้าน เช่น รายการสินค้าที่สร้างยอดขายได้ดี และรายการสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

นิสัยการเงินแต่ละ Gen เตรียมพร้อมออมเงินอย่างไร? ไม่หมดตัว

ความต่างทำให้ทุกคนแข็งแกร่ง กลยุทธ์พัฒนาบุคลากร “KFC”

ทีมที่ต้องมี“เคมี-เอนเนอร์ยี”เดียวกัน

ปัจจุบัน มีร้านค้าใช้บริการอยู่ประมาณ 6,000 ร้านค้า ครอบคลุมร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งล่าสุดได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด และนักลงทุนอิสระ ในการเพิ่มทุนระดับ Series A โดยการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ได้รับเงินทุนพัฒนาฟีเจอร์ เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มชั้นนำทั้งใน Marketplace และ Social Commerce เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน

ขณะนี้มีรายได้เข้ามาแล้ว 70 ล้านบาท ขณะที่เป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ 100 ล้านบาท เหลือเวลาอีก 3 เดือนก็จะสิ้นปี จะเข้าเป้าได้มากน้อยแค่ไหน “บุช-ธนัทพันธุ์ ธนเศรษฐ์สกุล” ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด (.ZORT) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าคาดการณ์ว่ารายได้อาจจะเป็นไปได้ ทั้งบวก และงบประมาณ 10 จากเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ โดยขณะนี้ยังถือว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ลูกค้าของ ZORT มีมูลค่าการเติบโต 30 % และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 55 %  เพราะเราเป็นระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม E-commerce และ Social Commerce ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นและมีความคล่องตัวมากขึ้น 

"แรกเริ่มที่ก่อตั้งบริษัทมีพนักงาน 2-3 คนและขยับมาที่ 20 หลังจากได้รับการสนับสนุนจาก กรุงศรี ฟินโนเวต เพิ่มเป็น 65 คนที่มีวันนี้ได้ เพราะน้องๆในทีมช่วยกันทำงาน เพราะหัวใจองค์กรคือทีมที่ต้องมี“เคมี-เอนเนอร์ยี”เดียวกันทำให้เราสามารถเติบโตมาได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้มีรายได้ประมาณ 70 ล้านบาท เหลืออีก 3  เดือนจะถึงเป้า 100 ล้านที่ตั้งไว้หรือไม่ ผมว่าอาจจะ บวก ลบ 10 ไม่เกินนี้" 

หัวใจของคนทำงานคือ Work life Balance

“บุช” เติบโตมาในครอบครัวที่มีธุรกิจดั้งเดิมทำอะไหล่รถมอเตอร์ไซค์ แต่เขาเลือกที่ทำงานด้าน เทค คอมปานี เพราะมองเห็นโอกาสตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วว่าธุรกิจ E-commerce จะเติบโต จึงเลือกที่จะเป็น Start Up ที่ทำงานด้าน 'เทค คอมปานี และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับเขา ด้วยการให้ Work from Home 100 % เพื่อให้สอดคล้องกับ Work Life คนรุ่นใหม่ที่สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ 

วิธีที่มองหาคนรุ่นใหม่ที่ต้องมี “เคมี- เอนเนอร์ยี”ที่ตรงกัน เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานร่วมกัน ต้องกล้าแสดงออก เพราะการทำงานด้าน บริการ ถ้าไม่กล้าแสดงออกแล้ว ก็ยากที่จะเติบโตไปได้  ด้วยการสัมภาษณ์ แบบสนุกๆ เช่นตั้งคำถามว่า “ถ้ามีโอกาสเป็นตัวแทนของบริษัทไปโชว์การแสดง จะไปโชว์การแสดงอะไร แต่งชุดอะไร”ทำนองนี้ ซึ่งจะทำให้เข้าใจพนักงานคนนั้นได้ หากต้องร่วมงานกัน ถ้าแต่งสาหรี่และแสดงโชว์อินเดีย ก็น่าจะมีพลังมากในการทำงาน เป็นต้น

“การเลือกคนเข้ามาทำงานที่เพิ่มเติมจากที่ต้องเลือกตาม J0bdiscription แล้ว 2  อย่างที่ต้องมีคือเคมี เอนเนอร์ยีที่ตรงกัน ถ้าหากเคมีไม่ตรงกันมาร่วมทีม มันก็เหมือนการฝึนให้คนแต่งงานกัน อีกเรื่องเอนเนอร์ยี ถ้าเลือกคนที่พลังไม่เท่ากัน ถ้าคนที่เข้ามาพลังน้อยกว่าก็จะรู้สึกอึดอัด เพราะฉะนั้นถ้าเคมีกับเอนเนอร์ยีได้ ก็เชื่อว่าจากประสบการณ์ที่เรามีจะสามารถกรูมมิ่งน้องๆเพื่อให้ช่วยงานเราได้ ”

หัวใจของคนทำงานคือ Work life Balance เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราให้พนักงานทุกคนทำงานที่บ้าน Work from Home เกือบ 100 %โดยมีสวัสดิการอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับบริษัทอื่นๆ และมีเพิ่มเติมค่าเน็ต  และช่วยจ่ายค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการ Work from Home พนักงานทุกคนสามารถบริหารเวลาได้ แบ่งเวลาทำงาน แบ่งเวลาให้ครอบครัว ออกกำลังกายได้ และทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข  

ที่สำคัญเวลาทำงานร่วมกัน “บุช” ไม่ได้ใช้วิธีการทำงานแบบนายกับบ่าว โดยใช้วิธีการสั่งการ แต่จะใช้วิธีแชร์กับทีมก่อน จากนั้นมาดูว่า พนักงานคนไหนมีความถนัดและชอบงานด้านไหน ก็จะให้ทำงานตามความถนัดก่อน จากนั้นจะค่อยเพิ่มเติมงานที่ต้องเรียนรู้และสมควรทำเข้าไปให้เรียนรู้และทำเพิ่มเติมเป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพพนักงานไปในตัว

“ทีมคือหัวใจขององค์กร ด้วยความที่เราเป็นบริษัทคนรุ่นใหม่ 100 % ต้องพยายามเข้าใจพวกเขาให้มากๆถ้าไม่เข้าใจคนรุ่นใหม่ เราพังแน่ๆ ต้องเข้าไปพูดคุยให้มากๆ และดูว่าเขาชอบงานแบบไหนก็ให้ทำตามความสามารถ และค่อยๆเพิ่มงานเข้าไปจนสามารถกรูมมิ่งผลักดันน้องๆให้ทำงานให้เราได้ และค่อยๆปรับ Mind set งานที่ไม่ชอบให้ลองทำไปในตัว เพราะจะช่วยให้เติบโตไปได้ เพราะวันหนึ่งที่เขาไม่ได้อยู่กับเราก็ต้องมีโอกาสในการเติบโตมากกว่า 1 way ”

อย่างไรก็ตามการทำงานที่เป็นแบบคนรุ่นใหม่ที่  Work from Home เกือบ100 % ทุกวันอังคารจะเข้ามาเจอกัน และเดือนละครั้งทั้งออฟฟิศ ทุกคนก็จะสามารถมีเวลาบริหารจัดการชีวิตได้ และน่าจะเป็นที่พอใจของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการ Work life Balance