Passion การบริการและดีไซน์ พนักงานสไตล์ “CHANINTR”

เดินทางมา 30 ปี สำหรับ “CHANINTR” อาณาจักรเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของคนไทย ที่ก่อตั้งโดย “ชนินทร์ สิริสันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด” ตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน รู้จักในฐานะผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านระดับไฮเอนด์ โดยในช่วงแรก CHANINTR นำเข้าเฟอร์นิเจอร์เพียง 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ Baker และแบรนด์ McGuire ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย

ปัจจุบัน มีแบรนด์ชั้นนำที่ทาง CHANINTR นำเข้าแล้วมากกว่า 50 แบรนด์ ครอบคลุมทุกประเภทของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง ของใช้ ของตกแต่ง ไปจนถึงสุขภัณฑ์ห้องน้ำ รวมทั้ง ยังมีรูปแบบบริการอื่น ๆ เช่น การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ บริการขนส่งเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศ บริการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง ไปจนถึงบริการบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์

ล่าสุด “CHANINTR” ได้เปิดโมเดลธุรกิจให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ “Spruce” (สปรูซ) ธุรกิจใหม่ ที่รักษ์โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยให้การแต่งบ้าน สำนักงาน หรือการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีไซน์สวยระดับโลก ในราคาจับต้องได้ แบบไม่มีข้อผูกมัด ทั้งยังช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องถูกทิ้งกลายเป็นขยะ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างยั่งยืน        

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ชนินทร์ จัดงาน“Chanintr Craft”เอาใจคนรักการออกแบบ

เริ่มแล้ว กับงาน CHANINTR CRAFT รวมเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรู

Passion การบริการและดีไซน์

“ชนินทร์ สิริสันต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด เล่าว่า CHANINTR มุ่งเน้นการบริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสำคัญ ฉะนั้น พนักงานขององค์กรทั้ง 240 คน ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้างต่างต้องมี Services mind (หัวใจในการบริการ) เป็นสำคัญ รวมถึงต้องมี Passion เรื่องของการบริการและดีไซน์ ต้องมีทั้ง 2 อย่างนี้เข้าด้วยกัน เพราะเป็นพื้นฐานในการทำงานกับองค์กร ลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการของ CHANINTR จะต้องรู้สึกดี พึงพอใจและได้รับการบริการที่ดีที่สุด

“ธุรกิจทั้งหมดของ CHANINTR ต้องมุ่งเน้นเรื่องการดูแลที่ดี อัตลักษณ์ของ CHANINTR ผู้นำและพนักงานจึงต้องมี Passion ในเรื่องการบริการ ดีไซน์ และมีความตรงไปตรงมา เชื่อใจได้ มุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกค้าและบริษัทดีขึ้น ซึ่งหากมีทั้ง 3 ลักษณะนี้ก็จะทำงานร่วมกับองค์กรได้ ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมองค์กรของ CHANINTR พยายามทำให้ทีมงานทุกคน ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การหาข้อมูล ทั้งจากการอ่าน หรือการเรียนรู้จากแหล่งอื่นๆ เพราะการทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ ต้องยอมรับว่า พวกเขาอาจจะไม่ได้ชื่นชอบการอ่าน แต่พวกเขามีความกระหายในการเรียนรู้” ชนินทร์ กล่าว

ทำความรู้จักอาณาจักร CHANINTR

CHANINTR ได้แบ่งธุรกิจออกเป็นกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ อาทิ  CHANINTR CRAFT จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่มีความเรียบง่าย ดูทันสมัย และเป็นชิ้นที่นักสะสมตามหา เจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ,CHANINTR WORK คัดสรรเฟอร์นิเจอร์สำหรับสำนักงาน ที่ส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงจัดจำหน่ายเก้าอี้ทำงานที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่รองรับกับสรีระ  ,CHANINTR OUTLET กิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นทุก 3 เดือน เพื่อจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

รวมทั้งยังมี CHANINTR RESIDENCES ธุรกิจที่พักอาศัยสุดหรู ย่านสาทร-นราธิวาส และCHANINTR SYSTEMS AND SOLUTIONS ระบบบ้านอัจฉริยะครบวงจร (Home Automation) เช่น การควบคุมการทำงานของระบบแสง เสียง อุณหภูมิ รวมถึงการเปิดปิดม่านอัตโนมัติ เป็นต้น

ผสมผสานงาน Art และ Business

“ชนินทร์” เล่าต่อว่า หลักการบริหารของ CHANINTR  จะให้ความสำคัญเรื่องของการบริการ การดูแลที่ส่งไปให้ลูกค้า โดยต้องนึกถึงมุมของลูกค้าเป็นหลักว่าลูกค้าต้องการอะไร  และพนักงานต้องไม่มองว่าอยากขายสินค้าเพียงชิ้นเดียวแล้วจบ แต่ต้องมองระยะยาวว่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จัก ต้องสานต่อ ทำให้ลูกค้าเชื่อใจ และเป็นมิตรในการเลือกสินค้าและบริการขององค์กรต่อไปอย่างยาวนาน  

“การทำธุรกิจของ CHANINTR เป็นเหมือนการผสมผสานระหว่างงาน Art (ศิลปะ)และ Business (ธุรกิจ) เข้าด้วยกัน  ดังนั้น นอกจากเรื่องดีไซน์ การบริการแล้ว ต้องมองเรื่องของการตลาดร่วมด้วย และตอนนี้เมื่อเราเปิดธุรกิจใหม่ Spruce (สปรูซ) ธุรกิจให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่รักษ์โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบัน ต้องให้ความสำคัญเรื่องของความยั่งยืนร่วมด้วย”ชนินทร์ กล่าว

“CHANINTR” ที่นี่ทุกคนพลาดได้หากมีเจตนาที่ดี เพราะการทำธุรกิจคงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปหมด แต่หากมีข้อผิดพลาดต้องปรับตัว แก้ไข  ยิ่งในองค์กรที่มีความหลากหลายGen มีทั้งคนรุ่นก่อน และคนรุ่นใหม่

ผู้นำต้องใจเย็น เปิดกว้างทุกไอเดีย

“ชนินทร์” เล่าต่อไปว่าผู้นำในยุคนี้ต้องใจเย็นมากๆ เพราะต้องบริหาร ดูแลผู้คนหลากหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มเขาจะมีมุมมองความคิดของตนเอง เด็กรุ่นใหม่ เขามีความเก่ง มีไอเดียมาก ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง กระหายความรู้ และเก่งเทคโนโลยี ขณะเดียวกันคนรุ่นก่อน เขามีประสบการณ์ เขารู้ระบบการทำงานอย่างดี ฉะนั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นของคนทุกกลุ่ม เปิดใจให้กว้าง เชื่อมโยงการทำงานในแต่ละทีมเข้าด้วยกัน

“ปัญหาขององค์กร คือ มีไอเดียมากเกินไป แต่คนที่จะมาสานต่อไอเดียเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอ จึงต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นในหลายรูปแบบและดูมุมมองด้านการตลาดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ อีกทั้งทุกคนสามารถทดสอบได้ว่าไอเดียของตนเองทำได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเปิดกว้างให้แก่ทุกคน เพราะผมจะเปิดรับไอเดียใหม่ๆ และพยายามผลักดันให้ทุกคนโตไปด้วยกัน เน้นการทำงานเป็นทีม และไม่ตัดสินว่าใครถูกผิด การทำงานที่ดีต้องเปิดรับ  เรียนรู้ทั้งคนเก่า คนใหม่ไปด้วยกัน”ชนินทร์ กล่าว

การพัฒนาคนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า “ชนินทร์”  กล่าวทิ้งท้ายว่า จะต้องพัฒนาระบบการทำงานให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะ CHANINTR  มีหลายธุรกิจแต่ทุกธุรกิจจะเชื่อมโยงกัน พนักงานทั้ง 240 คน จะมีความชัดเจนในระบบงานของตนเอง แต่ได้เรียนรู้ทุกอย่างที่ตนเองอยากเรียนรู้ โดยพยายามจัดโครงสร้างให้มีผู้เชี่ยวชาญ และกระจายคนไปตามหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การพัฒนาคนตามความถนัดของตนเอง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ ให้มีคุณภาพ โดยผู้นำต้องทำให้พนักงานทุกคนมีความสุข และมีส่วนร่วม เติบโตไปพร้อมกับการทำงาน ที่สำคัญต้องภูมิใจในองค์กรของตนเอง