สธ. เตือนปีใหม่โควิดเพิ่ม ขอให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น Walk In ได้ที่ รพ. สธ.
สธ. เตือนปีใหม่ ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นแน่นอน เหตุปัจจัยอากาศเย็น ขณะเดียวกันขอให้ดูแลตนเอง สวมแมสก์ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นเข้ารับบริการแบบ Walk In ได้
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งพบผู้เสียชีวิตมีจำนวนมากขึ้นในขณะนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเชื้อไปสู่กลุ่ม 608 กลุ่มโรคร่วมได้มากขึ้น ข้อมูลผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 และผู้มีโรคร่วมและไม่ฉีดวัคซีน โดยพบ 70 % ในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนน้อยกว่า 3 เข็ม 50 % ไม่ฉีดวัคซีนเลย 20 %ฉีดแค่ 2 เข็ม อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการผ่อนปรนวิถีชีวิตมากขึ้น ขณะที่ผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยก็รักษาแบบผู้ป่วยนอกหรือ OPD ไม่ต้องนอนรพ. สามารถรักษาที่บ้านได้ ดังนั้นจึงมีโอกาสความเสี่ยงจะไปติดคนอื่นได้ ดังนั้นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนจึงเป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุด คนที่ได้รับวัคซีนแล้วซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานผลิตภูมิคุ้มกันที่จะไปต่อสู้กับเชื้อโรค
นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนสถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 รวมทุกระดับขณะนี้มีการใช้ไปประมาณ 35% ยังมีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยที่มีอาการได้อีกว่า 60 % แต่หากมีสถานการณ์ความรุนแรงที่มีผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนรพ.เพิ่มก็เตรียมความพร้อมของห้องต่างๆ ที่สามารถขยายได้ทันที สำหรับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เข้ามารักษาแบบOPD ภาพรวมในสถานพยาบาลทั่วประเทศมีมากขึ้นจากเดิมช่วงที่สถานการณ์เบาบางเฉลี่ยมีผู้ป่วยสัปดาห์ละ 2,000 คน ขณะนี้เพิ่มเป็นเท่าตัวเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4,000 คน หรือประมาณวันละ 700-800 คน
นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ช่วงปีใหม่นี้เพิ่มขึ้นแน่อน เนื่องจากอากาศเย็นลง ไม่เฉพาะโควิดแต่เชื้อไวรัสทุกตัวสามารถอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นได้นานมากขึ้น ส่งผลให้แพร่ระบาดมากขึ้น เป็นปกติของเชื้อไวรัสที่สามารถคงอยู่ได้นานในช่วงปลายฝนต้นหนาว และฤดูหนาว ส่งผลให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือผู้ป่วยที่รักษาแบบ OPD ให้กักตัวเองอย่างน้อย 5วัน แต่หากจำเป็นต้องออกไปภายนอกพยายามป้องกันไม่ให้ไปติดผู้อื่น โดยเฉพาะมาตรการป้องกันตนเองทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ ขอให้หมั่นปฏิบัติ ทั้งนี้ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแน่นอนช่วงปีใหม่แต่จะขึ้นมากหรือน้อยอยู่กับการปฏิบัติตนของทุกคน แต่ไม่มีการปิดประเทศแน่นอน เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป ขณะเดียวกันขณะนี้ได้มอบนโยบายให้สถานพยาบาลในสังกัดเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน พร้อมทั้งเปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย หากได้รับวัคซีนช่วงนี้ก็จะสามารถป้องกันได้ทั้งช่วงปีใหม่นี้และยังมีภูมิต่อเนื่องไปได้ถึงช่วงสงกรานต์ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีโรคร่วมและเมื่อติดโควิดแล้วคิดว่าตัวเองอาการไม่รุนแรงจึงไม่มารพ.รักษาจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยรายหนึ่งที่อายุ 30 กว่าปี อยู่ในวัยทำงานถือว่าอายุยังน้อยและเสียชีวิตเฉียบพลันที่บ้าน กรมควบคุมโรคกำลังวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตของรายดังกล่าว ทั้งนี้คงต้องวิเคราะห์สาเหตุว่ามีการติดเชื้ออื่นร่วมด้วยหรือไม่ กรณีที่เกิดจากโควิด อาการจะไม่เสียชีวิตทันที แต่จะมีอาการเหนื่อยหอบก่อนเพราะเชื้อไวรัสโควิดจะลงสู่ปอด แต่เชื้อไวรัสตัวอื่นบางตัวก็มีผลต่อหัวใจ จึงต้องวิเคราะห์ว่าเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนหรือจากโควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นได้โดยไม่ต้องจองคิว สามารถวอล์กอินรับบริการได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงฯ ขณะเดียวกันยังสามารถรับบริการวัคซีนเข็มกระตุ้นที่โถงชั้น 1 อาคาร 3 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงเดือนธันวาคม ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม วันที่ 13 ธันวาคม วันที่ 20 ธันวาคม และวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 09.00 -14.00 น. โดยเป็นวัคซีนไฟเซอร์(ไม่มีโมเดอร์นา) สำหรับประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ วัคซ๊นเด็กเล็กสอบถามรพ.ใกล้บ้านได้