18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน "XBB.1.5" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน "XBB.1.5" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอนลูกผสม "XBB.1.5" จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดรเร็วในปี 2566

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.)รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า 18 คุณสมบัติสำคัญของโควิด “ซุปเปอร์แวเรียนท์ (super-variant): XBB.1.5” ที่ควรทราบ

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention, CDC) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2565 แถลงว่าได้เกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอนXBB.1.5” ในสหรัฐอเมริกาเป็นสองเท่าในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการระบาดในผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 40.5%

คาดว่า โอมิครอนลูกผสม XBB.1.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดรเร็วในปี 2566

(ภาพ 1)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

 

ทางศูนย์จีโนมฯ รพ. รามาธิบดีขอสรุป 18 คุณสมบัติสำคัญของโอมิครอน XBB.1.5 ที่น่าสนใจดังนี้

1. ต้นตระกูลของ XBB.1.5 คือโอมิครอน BA.2, เป็นสายพันธุ์ลูกผสม (recombinant) ระหว่างโอมิครอนสองสายพันธุ์คือ BJ.1 และ BM.1.1.1 (ภาพ2)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

2. มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ต่างจาก XBB.1 ในส่วนของโปรตีนหนาม 1 ตำแหน่งคือ “F486P” (ภาพ3)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

3. เป็นสายพันธุ์ที่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในปัจจุบัน (ภาพ4 แกนตั้ง)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

4. จับยึดกับผิวเซลล์บริเวณโปรตีน ACE-2 ของผู้ติดเชื้อได้แน่นที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ทำให้เป็นสายพันธุ์ที่แทรกรุกรานเข้าสู่เซลล์ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน (ภาพ4 แกนนอน)

5. XBB.1.5 หลบเลี่ยงต่อภูมิคุ้มกันแบบผสม (hybrid immunity) อันเกิดจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติ) ได้ดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น ถึง 104 เท่า (ภาพ5)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

6. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก“การฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BA.4/BA.5 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB* ได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอตามด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนสองสายพันธุ์ (bivalent) (ภาพ5)

7. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก“การฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BF.7 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB, XBB.1, XBB.1.5 ได้ใกล้เคียงกัน แต่ต่ำกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น อย่างมีนัยสำคัญ (ภาพ6A)

8. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก“การฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BA.5 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB, XBB.1, XBB.1.5 ได้ใกล้เคียงกัน (ภาพ6B) และใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BF.7 ตามธรรมชาติ (ภาพ6A) แต่ยังคงต่ำกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น อย่างมีนัยสำคัญ

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

9. แม้ว่า XBB.1.5 จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียงกับ XBB และ XBB.1 แต่พบว่า XBB.1.5 สามารถจับกับตุ่มโปรตีน ACE-2 บนผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้แน่นกว่า BA.2.75, BQ.1.1 และ XBB ทำให้ผลรวมสามารถแพร่ระบาดได้เหนือกว่า XBB, XBB.1 และโควิดทุกสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในหลายประเทศ ทั่วโลก

10. การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง(สองสายพันธุ์-bivalent booster) จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อ XBB ได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นแรก(สายพันธุ์เดียว monovalent booster) จำนวนสองเข็ม และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นแรก(สายพันธุ์เดียว monovalent booster) เพียงเข็มเดียวตามลำดับ (ภาพ7)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

11. จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ XBB.1.5 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า XBB.1.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอนทุกสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ ประมาณ 109 % (ภาพ8)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

12. จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ XBB.1.5 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า XBB.1.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอน BA.5.2.1 (ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักแพร่ระบาดในหลายประเทศขณะนี้)ประมาณ 217 % (ภาพ9)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

13. ATK และ PCR ยังใช้ตรวจโอมิครอน XBB.1.5 ได้ดี ไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

14. อาการความรุนแรง (severity) ไม่ต่างจาก XBB* อื่นอย่างมีนัยสำคัญ

15. จากฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” ยังไม่พบโอมิครอน XBB.1.5 ในประเทศไทย

16. ยา(เม็ด) โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir), ยา(เม็ด) แพกซ์โลวิด (Paxlovid: nirmatrelvir/ritonavir), ยา(ฉีด)เรมเดซิเวียร์ (remdesivir) ยังใช้ต้านโควิดทุกสายพันธุ์ได้ดีแม้จะมีการกลายพันธุ์บนส่วนหนามแหลมก็ตาม ปัจจุบันยังไม่พบเชื้อดื้อยา (ภาพ10)

17. XBB.1.5 ดื้อต่อยาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปทุกชนิดที่หลายประเทศมีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (ภาพ10)

18 คุณสมบัติโควิดโอมิครอน \"XBB.1.5\" ขยับเป็นสายพันธุ์หลักในปี 2566

18. ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกบ่งชี้ว่า XBB.1.5 ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง (severity) แตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยสรุป XBB.1.5 แพร่ได้รวดเร็วกว่าโควิดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน หลบเลี่ยงภูมิคุ้มทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติได้ดีที่สุด ส่วนโปรตีนหนาม (spike protein) มีแรงยึดเกาะกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้แน่นมากที่สุดทำให้แพร่ติดต่อเข้าสู่เซลล์ได้โดยง่าย ดื้อ (resistant) ต่อยาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปทุกชนิดที่หลายประเทศมีใช้กันอยู่ ถูกยับยั้งหรือทำลาย(susceptible) ได้ด้วยยาต้านไวรัสทั้งชนิดเม็ดและชนิดฉีด ปัจจุบันยังไม่พบเชื้อดื้อยา ยังสามารถตรวจคัดกรองได้ดีด้วย ATK และ PCR

"รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งก็จะไม่พ่ายแพ้ในทุกครั้ง"