ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”

ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”

 “เวลเนส(Wellness) ไม่ใช่แค่สุขภาพเดี ไม่มีโรค ไม่มีความเจ็บป่วยหรือพิการ แต่เป็นสิ่งที่จะเข้าไปหาว่าทำอย่างไรสุขภาพถึงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมทั้งเรื่องส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคก่อนเกิดโรค เป็นต้น นำมาสู่ “ธุรกิจเวลเนส”เป็นแขนงใหม่ที่ภาคเอกชนรับรู้มากว่า 10 ปี

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยติดเป็นอันดับ 15 ของโลกการเติบโตของธุรกิจเวลเนส(Wellness) ขณะที่ มูลค่าธุรกิจเวลเนสทั่วโลกมีกว่า 1 ล้านล้านบาท
  •  "ศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย” (Thainess Wellness Destination :TWD)ชูความเป็นไทย ความหลากหลายพื้นถิ่น การันตีโดยกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) สร้างจุดขายและความเชื่อมั่นในตลาดโลกมากขึ้น
  • กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยกระดับเวลเนสอัตลักษณ์ไทยแล้ว 63 แห่ง ตั้งเป้าสิ้นปี 2567 ได้ 100 แห่ง คิดเป็น 10 %ของศูนย์เวลเนสทั่วประเทศ

 “เวลเนส(Wellness) ไม่ใช่แค่สุขภาพดี ไม่มีโรค ไม่มีความเจ็บป่วยหรือพิการ แต่เป็นสิ่งที่จะเข้าไปหาว่าทำอย่างไรสุขภาพถึงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมทั้งเรื่องส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคก่อนเกิดโรค เป็นต้น นำมาสู่ “ธุรกิจเวลเนส”เป็นแขนงใหม่ที่ภาคเอกชนรับรู้มากว่า 10 ปี

แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาดำเนินการรับรองหรือการันตี “ศูนย์เวลเนส” จนเมื่อ 2-3 ปีก่อน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ได้นำคำนิยามของต่างประเทศจาก Global Wellness Institute (GWI) มาอ้างอิง และเข้าไปประเมินรับรองแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ ที่พักนักท่องเที่ยว ภัตตาคารร้านอาหาร สปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และสถานพยาบาล ก่อนต่อยอดยกระดับเป็น ศูนย์เวล     เนสอัตลักษณ์ไทย หรือTWD

ตลาดWellnessมูลค่าแสนล้านบาท

ธุรกิจเวลเนส แบ่งเป็นหลายประเภท ตั้งแต่ Personal care and Beauty , Wellness Tourism ,กิจกรรมทางกาย การออกกำลังกาย และอาหาร โดยหลักๆจะมีการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก เป็นสัดส่วนที่มากพอสมควรที่เข้าไปเติมในธุรกิจเวลเนส

นพ.กุลธนิต วนรัตน์ ผู้อำนวยการกองการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  ให้ข้อมูลว่า ภาพรวมของธุรกิจเวลเนสทั่วโลกล่าสุดในปี 2022 มูลค่า 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”

ประเทศไทยติดเป็นอันดับ 15 ของโลกการเติบโตของธุรกิจเวลเนส โดยช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 มูลค่าอยู่ที่ 16.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5 แสนล้านบาท ในช่วงโควิด-19 เหลือ 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ 7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 2 แสนล้านบาท ในปี 2022

ทั้งนี้มีการประมาณการเติบโตของธุรกิจเวลเนสราว 20 % ในปี 2567 ประมาณว่าประเทศไทยน่าจะอยู่ในสัดส่วนราว 1 ล้านล้านบาท จากรายได้รวมจากภาคท่องเที่ยวอยู่ที่ราว 3 ล้านล้านบาท เท่ากับ 1 ใน 3 มาจาก Wellness Tourism

เนื่องจากประเทศไทยมีจุดแข็งในหลายๆด้าน ที่ต่างประเทศมองไทยว่าเป็น Destination ปลายทางในการเดินทางทั้งเรื่องการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งเทรนด์ของโลกปัจจุบันชอบเรื่องประสบการณ์ใหม่ๆ ความเป็นออริจินัล เทรดดิชันนัล ดังนั้น หากเติมเรื่องเอกลักษณ์อัตลักษณ์ความเป็นไทย ก็จะตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น  

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงดำเนินการยกระดับศูนย์เวลเนสเป็น TWD น่าจะมีตลาดที่ดี ในการส่งเสริมและสร้างรายได้ให้สถานประกอบการ เป็นซอฟต์เพาวเวอร์ที่เป็นนโยบายภาครัฐ

รับรอง TWD แล้ว 63 แห่ง

3 ปีที่ผ่านมา มีการรับรองศูนย์เวลเนสทั้ง 5 ประเภทประมาณ 900 แห่งทั่วประเทศ และยกระดับเป็น TWDแล้วประมาณ 63 แห่ง(ณ มกราคม 2567) โดยผู้ประกอบการให้ความสนใจอย่างมากในการประเมินเข้าสู่เกณฑ์ TWD ซึ่งประกอบด้วยมีลักษณะความเป็นไทย 9 อย่าง อาทิ

  • ความเป็นชาติไทย
  • ภาษาไทย
  • วิถีชีวิตไทย
  • ประเพณีวัฒนธรรมไทย
  • ศิลปะไทย
  • ภูมิปัญญาไทย
  • สินค้าไทย
  • และสถาปัตยกรรมแบบไทย

ผ่านประสบการณ์อายาตนะทั้ง 6 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและอารมณ์ ทั้งนี้ ในคู่มือการประเมินสถานประกอบการจะแบ่งเป็น 4 ด้าน บริหารจัดการ การให้บริการ บุคลากร และความโดดเด่นอัตลักษณ์ไทย

 “TWD พยายามให้ครอบคลุมทั้งการดึงดูดชาวต่างชาติและในประเทศ แต่การสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจเม็ดเงินจากต่างชาติจะเป็นหลัก ถ้าดูรายได้ท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท ประมาณ 2 ใน 3 มาจากต่างประเทศ ก็จะดึงเม็ดเงินมาอยู่ในไทยได้”นพ.กุลธนิตกล่าว
 

ส่วนในประเทศ ก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากรับบริการด้านเวลเนสด้วย แต่ถ้าดูเรื่องการสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นมา ตลาดต่างประเทศน่าจะมองเรื่องเวลเนสอัตลักษณ์ไทยมากกว่า ก็จะเป็นจุดขายได้มากกว่าเวลเนสปกติทั่วไป

3 เรื่องยังเป็นข้อจำกัด 

 จากที่ดำเนินการยกระดับเป็นเวลเนสอัตลักษณ์ไทย มีเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการว่าชอบที่ภาครัฐเข้ามาการันตี ยิ่งกว่านั้นอยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเป็นจุดขายได้ชัดเจน สามารถนำไปเสนอในตลาดต่างประเทศอย่างมั่นอกมั่นใจและสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดในสถานประกอบการ คือ

 1.บุคลากรเริ่มมีปัญหา เช่น ร้านนวดเพื่อสุขภาพ บุคลากรที่เป็นเทอราปิสต์จากช่วงโควิด-19 มีการหายไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้ที่ธุรกิจเริ่มกลับมา พบว่ามีการซื้อตัวไปต่างประเทศจำนวนมาก จึงอาจจะต้องร่วมกันพัฒนาสร้างอาชีพ โดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีการหารือกับผู้ประกอบการ ทำเรื่องแมชชิ่งผู้ช่วยนวดหรือ

เทอราปิสต์ที่ผ่านการอบรมตามที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกรับรอง โดยการันตีว่าเรียนจบแล้วจะมีงานทำกับสถานประกอบการ ซึ่งเป็นโจทย์ที่รัฐบาลส่งมาที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกด้วยในเรื่องจำนวนการผลิตหมอนวดต่อปี คาดว่าจะผลิตได้ราว 5,000-10,000 คน จะทำให้บุคลากรเพียงพอในสถานประกอบการ
ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”

 2.ภาษา หากเป้าหมายตลาดเป็นชาวต่างชาติเป็นหลัก ก็จำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของเทอราปิสต์เพื่อให้ตอบโจทย์

และ 3.ระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง การเข้าไปในชุมชน เส้นทางท่องเที่ยวมีความสะดวกมากน้อยแค่ไหนอย่างไร 

แนวทางพัฒนาในปี 2567

การพัฒนาศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย ภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัยต้องเข้ามาร่วมกันเติมองค์ความรู้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในส่วนของกรมมีแผนพัฒนา TWD จะผลักดันมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นพื้นถิ่นแต่ละภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เอกลักษณ์อัตลักษณ์ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีความต่างกัน

เช่น ภาคเหนือมีวัฒนธรรมล้านนา ภาคใต้มีลังกาสุกะ มีเรื่องนวด อาหารก็ต่างกัน โดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีโครงการพัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากร จัดทำหลักสูตรเพิ่มองค์ความรู้ เช่น อาหารเป็นยา โภชนาการ การนวดในประเภทต่างๆ
ธุรกิจWellnessไทยเติบโต อันดับ 15 ของโลก ปั้นแบรนด์ “เวลเนสอัตลักษณ์ไทย”

นอกจากนี้ ต้องทำเรื่องการสร้างแบรนด์( Branding) ของ TWD ให้เข้มแข็ง และติดตลาดเพิ่มมากขึ้น มีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนถึงวิธีการที่จะปั้นแบรนด์นี้ให้ติดตลาด ตอกย้ำเข้าไปในหลายๆแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านการประชุมวิชาการ อินเตอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น TWD ด้วยการระบุว่าการันตีโดยสธ. 

และได้หารือร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กรมการท่องเที่ยว สมาคมมัคคุเทศน์ ที่จะดึงแบรนด์ TWD ไปสู่การประชาสัมพันธ์ได้ดีขึ้น พยายามขอความร่วมมือกับสายการบิน ในการลงประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ผ่านนิตยสารของสายการบินที่ให้ผู้โดยสารอ่านบนเครื่องบิน จะขยายแบรนด์ให้เข้มแข็งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและผู้ประกอบการจะได้สนใจเข้ามาประเมินรับรองเป็น TWD มากขึ้น

การประเมิน TWD  กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจะเข้าไปประเมินศูนย์เวลเนสเพื่อยกระดับเอง เป็นการสร้างคุณค่า มาตรฐาน ความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงค่อนข้างมีข้อจำกัดในการประเมิน ทำให้แต่ละปีสามารถยกระดับได้ราว 10 แห่ง

“ตั้งเป้าในปลายปี 2567 จะยกระดับเป็นเวลเนสอัตลักษณ์ไทยได้รวมประมาณ 90- 100 แห่ง คิดเป็นราว 10 % ของศูนย์เวลเนสทั่วไปที่มีอยู่ราว 900 แห่ง โดยคำนึงเรื่องคุณภาพมาตรฐานที่เหมาะสมเป็นสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้แบรนด์นี้เกร่อเกินไป”นพ.กุลธนิตกล่าว