3 วิธีเช็กความเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขับ 120 กม./ชม.แรงชนเท่าตกตึก 19 ชั้น

3 วิธีเช็กความเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขับ 120 กม./ชม.แรงชนเท่าตกตึก 19 ชั้น

เทศกาลสงกรานต์ 2567 ขับรถกลับหลังหยุดยาว เช็กก่อนขับ 3 วิธีประเมินความเมา ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงชนเท่าตกตึก 19 ชั้น ป้องกันไม่ให้สูญสียจากอุบัติเหตุทางถนน

KEY

POINTS

  • เทศกาลสงกรานต์ 2567 ถึงที่หมายปลอดภัย ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม แนะ 3 วิธีการสังเกตและประเมินอาการมึนเมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบื้องต้น 
  • ปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เบียร์ 2 กระป๋อง เริ่มขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดมากแต่ไร้สาระ ขาดสมาธิ
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มมีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน  ซึ่งการขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงชนเทียบเท่าการตกตึก 19 ชั้น

หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2567 ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.2567 หลายคนกำลังขับรถกลับจากภูมิลำเนาหรือการท่องเที่ยว เพื่อกลับมาทำงาน หากใช้รถส่วนตัว สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากเมื่อบนถนนมีรถจำนวน จะต้องเตรียมตัวเองให้มีความพร้อมในการขับรถ ที่สำคัญ ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หากต้องขับรถ

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 "สรุปอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลสงกรานต์ 2567" สะสมช่วงวันที่11-13 เม.ย.2567 เกิดอุบัติเหตุรวม 936 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 968 คน ผู้เสยชีวิตรวม 116 คน

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา 39 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา 45 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 8 คน

3วิธีเช็กความมึนเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ระบุว่า อาการเมาสุรา เกิดขึ้นจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มีอาการแสดงออกทางร่างกายและพฤติกรรมหลายด้าน

วิธีการสังเกตภายนอก

  • มีกลิ่นแอลกอฮอล์ซึมออกมาจากตัว
  • เดินโซเซ มือสั่น
  • ตาเยิ้มแดง หนังตาหย่อน  ลืมตาไม่ขึ้น

วิธีประเมินเบื้องต้น

1.แตะจมูกตัวเอง  ให้ผู้ถูกทดสอบ หลับตา ยืดแขนไปข้างหน้า แล้วชี้นิ้วออกไป แล้วงอข้อศอก เอานิ้วมือมาแตะที่ปลายจมูกตนเองโดยไม่ลืมตา หากแตะไม่ได้อาจอยู่ในภาวะมึนเมาสุรา

2.ให้ผูกทดสอบยืนตัวตรง เดินสลับเท้า โดยให้ส้นเท้าชิดปลายเท้าตัวเอง เป็นเส้นตรงไปข้างหน้า 10 ก้าว เดินหันกลับด้วยเท้า 1 ข้าง แล้วเดินส้นเท้าชิดปลายเท้าเป็นเส้นตรงไปข้างหน้า 10 ก้าว หากทรงตัวไม่อยู่ ล้ม เซ ต้องพยุง แสดงว่าอาจอยู่ในภาวะมึนเมาสุรา

3.ยืนขาเดียวและนับเลข ให้ผู้ถูกทดสอบยืนตัวตรง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นสูงจากพื้นประมาณ 15 เซนติเมตร ให้เริ่มนับ 1001 1002 1003 ไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 30 วินาที หากตัวเซ ทรงตัวไม่อยู่ วางเท้าลง เขย่ง หรือใช้แขนทรงตัว  แสดงว่าอาจอยู่ในภาวะมึนเมาสุรา

ปริมาณดื่มแอลกอฮอล์-ผลต่อร่างกาย 

เบียร์ 2 กระป๋อง หรือ 1 ขวดใหญ่  ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 30 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ครึกครื้น ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดมากแต่ไร้สาระ ขาดสมาธิ การตัดสินใจบกพร่อง

เบียร์ 2 ขวดใหญ่  ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ บาดเจ็บ และพฤติกรรมรุนแรง

เบียร์ 6 ขวดใหญ่ ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ พูดไม่ค่อยชัด เดินเซ สับสน ไม่รู้เวลา สถานที่ บุคคล เพิ่มความเสี่ยงที่จะหกล้มกระดูกหัก

เหล้าขาว/ เหล้าสี 1 แบน  ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สติสัมปชัญญะเปลี่ยนแลง สับสน ง่วงซึมแต่สามารถปลุกให้ตื่นได้ ทำอะไรโดบไม่รู้ตัว

เหล้าขาว/ เหล้าสี 1.5-2 แบน หรือ 3ส่วน4 -1 ขวด ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 300-500 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำลัก อาเจียน หยุดหายใจ หมดสติ อาจถึงขั้นเสียชีวิต

โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางถนน

  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ใกล้เคียงคนไม่ดื่มสุรา
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์  โอกาสเกิดอุบัติเหตุเป็น 2 เท่าของคนที่ไม่ดื่มสุรา
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุเป็น 3 เท่าของคนที่ไม่ดื่มสุรา
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุเป็น 6 เท่าของคนที่ไม่ดื่มสุรา
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด  150มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุเป็น 40 เท่าของคนที่ไม่ดื่มสุรา
  • ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด มากกว่า 200  มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถวัดได้ เนื่องจากควบคุมทดลองไม่ได้ แต่เกิดอุบัติเหตุสูงมาก

ความเร็วกับความรุนแรงของอุบัติเหตุ

การขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงชนเท่ากับรถตกจากที่สูง 56 เมตร หรือตึก 19 ชั้น  ทั้งนี้ ประเภทถนนและความเร็วที่ปลอดภัย คือ

1.ถนนทางหลวงที่มีการ์ดเรล แบริเออร์และเป็นถนนที่กฎหมายอนุญาต  100-120 กม./ชม.

2.ถนนระหว่างเมืองที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากวัตถุข้างทาง  80-90 กม./ชม.

3.ถนนที่มีช่องทางเดินรถสวนทางกัน 60-70 กม./ชม.

4.ถนนที่เป็นชุมชนมีทางแยกเป็นระยะๆ 30-50 กม./ชม.

5.ถนนที่เป็นแหล่งชุมชนที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยานและคนเดินเท้า  20-30 กม./ชม.