อภ. รุก “Plant Based” ตัวแรกส่งออก “NMN สารสกัดอโวคาโด” ช่วยชะลอวัย
องค์การเภสัชกรรม(อภ.)รุกยุทธศาสตร์ “GPO Plant Based Medicine” มุ่งเน้นสมุนไพรสู่การเพิ่มมูลค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ตั้งเป้าปี 67 มูลค่าตลาด 200 ล้านบาท ตัวแรก “Plant based NMN” สารสกัดอโวคาโด ช่วยชะลอวัยเตรียมส่งออกไปต่างประเทศ
KEY
POINTS
- องค์การเภสัชกรรม (อภ.)รุกยุทธศาสตร์ “GPO Plant Based Medicine” มุ่งเน้นสมุนไพรสู่การเพิ่มมูลค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ
- ตั้งเป้าปี 2567 มูลค่าตลาด 200 ล้าน ตัวแรก “Plant based NMN” สารสกัดอโวคาโด ช่วยเรื่องชะลอวัย องค์การเภสัชกรรม(อภ.)เตรียมส่งออกไปต่างประเทศ ขอขึ้นทะเบียนอย.แบบ Export Only
- ผลิตภัณฑ์จากขมิ้นชันอีกหนึ่ง Plant based ที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.)ประสบความสำเร็จ ขณะที่วารสารวิชาการตีพิมพ์ปี 2023 พบว่าแคปซูลขมิ้นชันให้ผลการรักษาโรคกระเพาะอาหารไม่แตกต่างจากการใช้ยาลดกรดแผนปัจจุบันชื่อโอเมพราโซล
พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) หรือ GPO ให้สัมภาษณ์ที่บูธขององค์การเภสัชกรรม ภายในงานมหกรรม สมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ที่ อาคาร 11 - 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานีว่า อภ.มีการกำหนดยุทธศาสตร์หลักในปี 2567 “PLANTXGPO”ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE
มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรขององค์การเภสัชกรรม และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ในความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้มีงานนวัตกรรมด้านสมุนไพร อันจะนำพาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
การกำหนดยุทธศาสตร์นี้ เนื่องจากเห็นว่าเวลาไปงานแฟร์ฟาร์มาซูติคัล เราจะเป็นแค่คนซื้อเคมิคัลหรือเครื่องมือ ทำให้คิดอยากที่จะได้ไปออกบูธและขายของได้เองบ้าง ซึ่งอภ.ก็ดำเนินการเรื่องเคมิคัลด้วย แต่ก็ยังคิดว่ายังสู้ต่างชาติไม่ได้อย่างจีนหรืออินเดีย ที่มี Economy of Scale สูงมาก และมีความชำนาญมาก่อน
จึงมาคิดว่าประเทศไทยมีจุดแข็งอะไร ก็จุดประกายตอนที่ขมิ้นชันได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ BMJ ปี 2023 ว่าฤทธิ์เทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบันโอเมพราโซลที่เป็นยาลดกรดในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร เกิดเป็นการวางเรื่อง PLANT BASED MEDICINEเป็นยุทธศาสตร์หลักปี 2567ของอภ.
PLANT BASED ผลิตภัณฑ์ 3 หมวด
PLANTXGPO เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่อภ.ได้เร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างตรงจุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 หมวดย่อย ประกอบด้วย
1. หมวดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากพืชเป็นหลัก (Plant based drugs and supplements) ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ด้านการกีฬา(sport medicine) อาทิ
- สเปรย์พ่นและบาล์มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ (spray and balm for muscle relaxing )
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดขมิ้นชันสูตรเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ (Ca-Curmin)
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงร่างกาย
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดจากกะหล่ำปลีและหม่อนที่มีสารสำคัญที่ช่วยในการชะลอวัย (plant based NMN+Reserverato supplements)
- และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเม็ดเคี้ยวเพื่อให้เกิดความสดชื่น (BAT-Bio activating tablets) เป็นต้น
2. Plant based Cosmetics - Hair serum ใช้สารสกัดจากจมูกข้าว และแก่นมะหาด ซึ่งมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการเจริญเติบโตของ hair follicle keratinocytes, ผลิตภัณฑ์ Luminous Botanic oilets serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้สารสกัดสำคัญจากเกสรดอกบัวหลวง และ exosome ของดอกกุหลาบ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิวและชะลอวัย
3. Spa herbal preparations ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ลูกประคบ และน้ำมันหอมระเหย
“ในการพิจารณาการผลิตจะมองผู้บริโภคเป็นจุดศูนย์กลางว่าอยากได้อะไร ปัจจุบันตลาดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร ตัวที่มาแรงที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน คือ ยาแก้แฮงก์ ซึ่งอภ.มีสูตร หรือตัวที่เป็น sport medicine หรือตัวที่บำรุงร่างกายที่ทำจากกระชายดำ ใบหูเสือและอื่นๆ เป็นต้น”พญ.มิ่งขวัญกล่าว
เป้า 200 ลบ.ปี 67 ตัวแรกส่งออกต่างประเทศ
ตลาด PLANT BASED MEDICINE ของอภ. ตัวแรกกำลังจะส่งออกไปต่างประเทศ คือ NMN จะเป็นสารตั้งต้นที่จะทำให้เป็น NAD+ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ซึ่งอภ.สามารถผลิต Plant based ที่เป็นสารสกัดจากอโวคาโด กะหล่ำปลี และบลอคโครี่ แต่เลือกทำที่เป็นสารสกัดจากอโวคาโด ในขนาด 250 มิลลิกรัมเพื่อส่งออกไปให้กับลูกค้าต่างประเทศ ที่มีการติดต่อประสานงานเข้ามาแล้ว ที่ต้องส่งออกก่อนเนื่องจากสารตัวนี้ในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้ได้เพียง 20 มิลลิกรัม แต่ในต่างประเทศอนุญาตให้ได้ถึง 250 มิลลิกรัม
“ลูกค้าจากต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามาให้ความสนใจ หากอภ.สามารถทำสารตัวนี้ได้จาก Plant basedและการันตีโดสทำได้ถึงตามที่ต้องการจริง เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีวางขายในตลาดนั้นไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าสารสกัดมีปริมาณตามที่ต้องการ แต่ถ้าอภ.การันตีได้จริง ก็เลยสนใจสั่งมา”พญ.มิ่งขวัญกล่าว
Plant based NMN จึงจะเป็นตัวแรกที่จะมีการส่งออกไปต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เป็นแบบ Export Only เพราะอภ.จะผลิตขนาด 250 มิลลิกรัม ซึ่งยังไม่อนุญาตในประเทศ แต่สามารถส่งออกไปในประเทศที่อนุญาตให้ใช้ในปริมาณดังกล่าวได้ และคาดว่ามูลค่าตลาด Plant based ของอภ.ในปีงบประมาณ 2567 จะอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท
ตัวอย่างPlant based ที่อภ.ทำสำเร็จ
สำหรับตัวอย่างความสำเร็จเรื่องของ Plant based ที่อภ.ดำเนินการ คือ สมุนไพรขมิ้นชัน นับเป็นหนึ่งในสมุนไพรเด่นขององค์การฯ ทั้งในเรื่องของการป้องกัน บำรุงและรักษา โดยเริ่มการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรขมิ้นชันตัวแรกในรูปแบบแคปซูล มีสรรพคุณ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีผลการศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ BMJ Evidence-Based Medicine 2023 ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการใช้แคปซูลขมิ้นชันให้ผลการรักษาโรคกระเพาะอาหารไม่แตกต่างจากการใช้ยาลดกรดแผนปัจจุบันชื่อโอเมพราโซล (omeprazole)
จากนั้นได้พัฒนาการวิจัยวัตถุดิบขมิ้นชัน โดยนำมาสกัดและสังเคราะห์ด้วยนาโนเทคโนโลยี จนได้สาร tetrahydrocurcuminoids หรือ THC จากเดิมที่สารสกัดมีสีเหลืองส้ม ได้เป็นสารสกัดที่มีสีขาว ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงและต้านการอักเสบ นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เคอร์มินบำรุงผิว
แอนติออกซ์ สารสกัดขมิ้นชันบรรจุแคปซูล บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นยาจากสมุนไพรเป็นรายแรก และมีผลการศึกษาจากทีมผู้วิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าการใช้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันมีประสิทธิผลลดอาการปวดข้อจากโรคข้อเข่าเสื่อมไม่แตกต่างจากการใช้ยาต้านการอักเสบ ไอบูโปรเฟน (ibuprofen) นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยว่าสามารถลดภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ภาวะเหล็กเกิน และยังช่วยยืดอายุเม็ดเลือดแดง ในผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดพรมมิชนิดเม็ด ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง สารสกัดเถาวัลย์เปรียง สำหรับบรรเทาอาการปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม ผ่านการศึกษาทางคลินิกจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มีประสิทธิผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน naproxen และพบอาการข้างเคียงน้อยกว่า
ผลิตภัณฑ์ไฟโทเพล็กซ์ ได้พัฒนาจากตำรับยาพื้นบ้านจากภูมิปัญญานำมาต่อยอดความรู้ทางการวิจัย สู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ซึ่งรวมสมุนไพรพื้นบ้าน 8 ชนิด ประกอบด้วย พุทธรักษาดอกแดง มะไฟเดือนห้า ปีกไก่ดำ พญายอ เหงือกปลาหมอ แทงทวย ข้าวเย็นเหนือ และข้าวเย็นใต้ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่และการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งฤทธิ์ทั้งสองนี้เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนายาต้านมะเร็งสมัยใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ มีสรรพคุณแก้น้ำเหลืองเสีย
และผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น 4 สูตรและถูกนำมาใช้ตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ และได้ใช้ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน