"ฝีดาษวานร เคลด 1บี"รายแรกในไทย เคลียร์!
กรมควบคุมโรคเผย “ฝีดาษวานร เคลด 1บี”รายแรกในไทย ผู้ป่วยอาการหายดี กลับบ้านได้-ผู้สัมผัสใกล้ชิดไม่มีคนติดเชื้อ ครบกำหนดเฝ้าระวัง 21 วันแล้ว เคสนี้เคลียร์จบไม่แพร่เชื้อต่อในประเทศ
จากกรณีที่ประเทศไทยรายงานยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยเอ็มพอกซ์ หรือ ฝีดาษลิง หรือ ฝีดาษวานร เคลด1บี รายแรกเป็นชายชาวยุโรปอายุ 66 ปี ป่วยหลังเดินทางจากประเทศแถบแอฟริกาที่มีการระบาดของโรคนี้เข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.และมีอาการป่วยในวันที่ 15 ส.ค.2567 และเข้ารับการรักษาในรพ.ตั้งแต่เช้าของวันที่ 15 ส.ค. รวมถึง ได้มีการประสานติดตามผูู้สัมผัสใกล้ชิด/เสี่ยงสูงกับผู้ป่วยรายนี้รวม 43 ราย เป็นเวลา 21 วัน โดยครบกำหนดในวันที่ 4 ก.ย.2567
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานร เคลด 1บีรายแรกนั้น กรมได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พบว่าผู้ป่วยสะเก็ดแผลแห้งหมดแล้ว สามารถออกจากรพ.กลับบ้านได้ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 43 รายก็ไม่พบผู้ติดเชื้อเช่นกัน
“ถือว่าการพบผู้ป่วยฝีดาษวานร เคลด1บีในวงที่เจอรายแรกนี้ จบแล้ว ไม่มีการแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นๆ ขณะที่การเฝ้าระวังผู้ป่วยรายใหม่ๆที่อาจจะเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่องค์การอนามัยโลก(WHO)ประกาศว่าเป็นพื้นที่ระบาดนั้น ด่านควบคุมโรคก็มีการดำเนินการมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง”นพ.ธงชัยกล่าว
อนึ่ง ในการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2567กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำเสนอ เรื่อง การตรวจไวรัสฝีดาษวานร ทางห้องปฏิบัติการ โดยระบุว่า โรคฝีดาษวานร (Monkeypox) สายพันธุ์ Clade Ib ที่มีความรุนแรงสูง โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้เชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ได้ถูกตรวจพบในผู้ป่วยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
การพบเชื้อไวรัสนี้เป็นผลจากการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีReal-time PCR ที่สามารถยืนยันการติดเชื้อ MPOX และเมื่อทดสอบชนิด สายพันธุ์พบว่าเข้าข่ายสงสัยเป็นสารพันธุกรรมของไวรัส Clade Ib ก่อนการยืนยันขั้นสุดท้ายได้ดำเนินการด้วยวิธีการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม (Whole Genome Sequencing)
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส MPOX อย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจจับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์Clade Ibในประเทศไทย ติดตามและประเมินผลกระทบ จากการกลายพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาจมีต่อการระบาดวิทยา ความรุนแรงของโรค ประสิทธิภาพของมาตรการทางสาธารณสุข และคุณสมบัติอื่น ๆ ของเชื้อไวรัส
- การจัดทำและปรับปรุงแนวทางการตรวจวินิจฉัยให้สอดคล้องกับชนิดและความรุนแรงของสายพันธุ์ไวรัสที่พบ
- การพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวินิจฉัยให้ทันสมัยและตอบสนองต่อสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงสูง เช่น Clade Ib เพื่อให้สามารถตรวจจับและระบุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- ความสำคัญในการเฝ้าระวังและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการควบคุมการ แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์Clade Ib อย่างมีประสิทธิภาพ