"สมศักดิ์"ปัดตก"ผู้ป่วยร่วมจ่าย" สิทธิ30บาท มั่นใจเกลี่ยงบฯผู้ป่วยในพอ
“สมศักดิ์”ลั่น “ค่ารักษาผู้ป่วยใน” สิทธิบัตรทอง 30บาท หายไปเล็กน้อยแค่ 2 % มั่นใจเกลี่ยงบฯ ให้รพ.เพียงพอ ส่วนระยะยาวอยู่ที่อนุกรรมการฯศึกษาจะเพิ่ม-ลดเงิน ปัดตกแนวคิด "ผู้ป่วยร่วมจ่าย" ค่ารักษาส่วนเกินสิทธิประโยชน์ ฝากผู้บริหารให้บริหารให้พอกับเงินที่ให้มา
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เรื่องการแก้ปัญหางบประมาณบัตรทอง 30 บาท โดยเฉพาะในส่วนการจัดสรรค่ารักษาผู้ป่วยในที่มีข้อมูลว่ารพ. 403 แห่งไม่ได้รับงบฯค่าป่วยในเพิ่มว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแหงชาติ(บอร์ดสปสช.)เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2567 มีระเบียบวาระเรื่องนี้ และได้ให้คิดคำนวณตัวเลข ซึ่งค่ารักษาผู้ป่วยในจะคิดจากแต่ละโรคมีค่ารักษาโดยหน่วยวัดเป็นพอยต์(แต้ม) บางโรคได้ครึ่งพอยต์ บางโรค 1.5 พอยต์ บางโรค 1 พอยต์ เมื่อนำมาคิดเป็นเงินค่าผู้ป่วยใน 8,350 บาทต่อadjRW
ทั้งนี้ ตนจับมาคำนวณใหม่ทั้งหมด โดยจำนวนพอยต์ของคนป่วยในปีงบประมาณ 2567 มีประมาณ 9 ล้านพอยต์ ถ้าเฉลี่ยจะได้ 8,156 บาทต่อadjRW ลดมา 100 กว่าบาทเท่านั้น ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย เพราะฉะนั้น เรื่องเงินขาดอย่าไปห่วง ตนดูแล้วไม่ใช่เป็นสาระ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณผู้ป่วยในถือว่ายังเพียงพอหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะเหลื่อมล้ำนิดหน่อย คงเกลี่ยได้ ถ้าคิดคณิตศาสตร์ทั้งหมดแล้วไม่น่าห่วง ตนดูเอง
ถามถึงกรณีรพ.มีการสะท้อนว่าการกำหนดกรอบค่ารักษาผู้ป่วยในที่ 8,350 บาทต่อadjRW ต่ำกว่าต้นทุนจริงของรพ.อยู่แล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าต่ำกว่าต้นทุนจริงจะต้องประชุมกัน ซึ่งขณะนี้มีอนุกรรมการต่างๆในบอร์ดสปสช. จะต้องช่วยกันศึกษาว่าอัตราที่กำหนดถูก ผิดอย่างไร ก็ของบประมาณเพิ่ม ไม่ใช่เป็นปัญหายุ่งยากอะไร ไม่ได้มากจนเกินไป
“ในส่วนของการเคลียร์ปัญหาเงินที่มีการพูดเรื่องเงินบำรุงต่างๆ ก็จะเคลียร์กันให้หมด ส่วนการกำหนดกรอบอัตราค่าผู้ป่วยในจะเพิ่มได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับอนุกรรมการฯที่ทำงาน ซึ่งผมเป็นประธานบอร์ดสปสช.ก็จะรับฟังจากอนุฯแล้วผมจะนำตัวเลขมาวินิจฉัย”นายสมศักดิ์กล่าว
ปัดตก 30บาทร่วมจ่าย
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30บาทร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินสิทธิประโยชน์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ร่วมจ่ายอย่าเพิ่งพูดถึงตอนนี้ เป็นเรื่องใหม่เกินไป จะเป็นการเปลี่ยนนโยบายอย่างรุนแรง คิดว่าจะเอามาพูดเล่นไม่ได้
ถามต่อว่าถ้าไม่ใช่ยุคที่ตระกูลชินวัตรเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ไม่น่าจะมียุคไหนที่จะกล้าตัดสินใจเรื่องนโยบายนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ชินวัตรต้องช่วยประชาชนเต็มที่อยู่แล้ว จะมาบอกว่าให้ร่วมจ่ายคงไม่คิด
ถามอีกว่าควรมองภาพการเงินการคลังของผู้ให้บริการอย่างรพ.ด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าถ้ามองแล้วจับตัวเลขเอามาคุยในตัวเลขลึกๆแล้วไม่น่าห่วง คนอื่นพูดไปโดยที่นั่งเทียนพูด ขณะที่ตนนำตัวเลขมาคิดเอง
มั่นใจเกลี่ยเงิน 30บาทพอ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารพ.ขาดทุนตอนนี้สามารถจัดการได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากงบฯผู้ป่วยใน 8,350 บาทต่อadjRW หายไป 100 กว่าบาทเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หายไปไม่กี่เปอร์เซ็นต์ น้อยมาก
ถามว่างบฯกลางที่ขอมาดำเนินการจะเพียงพอในการเกลี่ยค่ารักษาผู้ป่วยในของปีงบฯนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พอ มั่นใจเพราะหายไปนิดเดียว ราว 2 % น้อยมาก มูลค่าการใช้ของผู้ป่วยในประมาณ 72,000-73,000 ล้านบาท
ถามอีกว่าจะดำเนินการเรื่องบัตรทอง 30บาทแบบไม่มีร่วมจ่าย และบริหารจัดการเงินถ้าไม่พอก็ใช้งบฯกลางมาแก้ไขปัญหา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นแนวนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขอให้สบายใจได้
ต้องบริหารงบ 30บาทให้พอ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าปัญหาของปีนี้อาจจะของบฯกลางมาเกลี่ยได้ แล้วการแก้ปัญหาในปีต่อๆไปจะดำเนินการอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องปรับ ถ้ารู้ตัวตนของเราเองว่ารัฐบาลให้เงินมาจำนวนเท่าไหร่ จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข เขาให้เรามาบริหาร ไม่ใช่ให้มาใช้เงิน ให้บริหารให้พอกับเงินที่ให้มา ถ้าคิดเช่นนี้การทำงานก็จะต้องอยู่ในส่วนของการคิดทำอะไร ที่จะประหยัดเงินได้
อย่างที่พูดมาตลอดว่าโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs ใช้เงิน 1.3 แสนล้านบาท คิดกันบ้างหรือไม่ว่าจะลดการใช้เงินส่วนนี้ได้อย่างไร ถ้าคิดได้เงินก็พอ ถ้าคิดไม่ได้ก็ต้องนำเงินมาใส่เพิ่มอีก ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร
ถามว่ามีแนวทางเพิ่มเติมที่จะให้รพ.หาเงินได้เองหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้น เอาแค่เงินที่ได้รับการจัดสรรจากที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ใช้ให้พออย่างไร กับความต้องการของประชาชน ถ้าไม่พอก็ไม่พอ แต่คิดว่าตอนนี้ยังไปได้อยู่พอ