อัปเกรด “หมอนวดไทยพรีเมียม” ส่งออก รายได้เดือนละแสน เป้า 3 ปีดังกว่า“มวยไทย”

อัปเกรด “หมอนวดไทยพรีเมียม” ส่งออก  รายได้เดือนละแสน เป้า 3 ปีดังกว่า“มวยไทย”

“เดชอิศม์”ผุดไอเดีย ยกระดับสมุนไพร-นวดไทย  ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ “5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ Gift of Thailand” ปั้น “หมอนวดพรีเมี่ยม”  เลือกอุทยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  เป้า 3 ปีต้องดังระดับโลก

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2567 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข กล่าวในการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกว่า  กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้บรรลุเป้าหมายร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมฯ มีการดำเนินงานตอบรับนโยบายเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตนพร้อมสนับสนุนการยกระดับสมุนไพรไทย ส่งเสริมการใช้สมุนไพรในระบบบริการสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันยังมีการเบิกจ่ายยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพเพียง 2.21% เท่านั้น รวมทั้งสนับสนุนการนวดไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ขอให้เร่งดำเนินการ 3 โครงการสำคัญให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพสู่ชุดของขวัญที่ระลึกจากประเทศไทย (Gift of Thailand from Premium Herbal Product) เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับความนิยม คือ น้ำมันนวด ลูกประคบ ยาดม  ยาหม่อง และน้ำมันหอมระเหย นำไปจัดแสดง Road Show ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่   97 แห่ง กระทรวงพาณิชย์ สมาคมการค้าส่งเสริมหัตถกรรมไทย คาดว่าจะสร้างมูลค่าจากผลิตภัณฑ์ได้กว่า 480 ล้านบาท
อัปเกรด “หมอนวดไทยพรีเมียม” ส่งออก  รายได้เดือนละแสน เป้า 3 ปีดังกว่า“มวยไทย”

2.โครงการต่อยอดอุทยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเครือข่าย  ต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่อุทยานที่มีน้ำพุร้อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้สมุนไพรไทยมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย

และ 3.โครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการนวดไทยและการแพทย์ทางเลือกในอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน 10,000 คน ทั้งหลักสูตรนวดฝ่าเท้า 60 ชั่วโมง หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง และหลักสูตรดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน  8 ชั่วโมง เพื่อส่งเสริมสุขภาพ/บรรเทาอาการเบื้องต้นให้กับตนเอง คนในครอบครัว และคนในชุมชน ภายใต้ความร่วมมือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้นำ อสม.ท้องถิ่น สำนักอนามัย กทม. สถาบันการศึกษา/สถานฝึกอบรมที่ผ่านการรับรอง 412 แห่ง และคลินิกชุมชนอบอุ่น

นายเดชอิศม์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ฝากเป็นการบ้านให้กับกรมการแพทย์แผนไทยฯ เร่งดำเนินการคือการส่งเสริมพัฒนาสมุนไพรไทยและนวดไทยไปสู่ระดับโลกให้ทุกคนได้รู้จักภายใน 3 ปี เพราะเป็นสิ่งที่ไทยดำเนินการมาและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว โดยเฉพาะนวดไทยต้องส่งเสริมให้ดังไม่แพ้มวยไทย ให้มีการผลิตหมอดนวดไทยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มีการแบ่งเป็นเกรด ซึ่งถ้าไปส่งออกไปทำงานต่างประเทศก็มีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน  หากทำได้ดีจะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไม่น้อย รวมถึงในเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ต่างๆทั่วโลก ก็ควรจะจัดให้มีนวดไทยไว้บริการด้วย ซึ่งหมอนวดพรีเมี่ยมที่ไปให้บริการต่างประเทศ

 ขณะที่สมุนไพรหากรณรงค์ใช้สมุนไพรจะถูกกว่า สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้ อีกทั้งสร้างรายได้ สร้างการมีงานทำ อย่างร้านอาหารทุกร้านก็ควรจะมีเมนูสมุนไพรไทย ซึ่งก็ต้องไปส่งเสริมให้ความรู้กับผู้ประกอบการนำไปสู่การแปรรูปให้มีมาตรฐาน 
“ปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้จากสมุนไพรกว่า 6 หมื่นล้านบาท และในปี 2570 ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ถึงแสนล้านบาท แต่ผมคิดว่าถ้าเราทำให้ดี เป้าแสนล้านบาทยังน้อยไป ดังนั้นเราต้องทำให้ดี ประชาสัมพันธ์ให้คนใช้สมุนไพร เช่นที่ร้านอาหาร ซึ่งชาวต่างชาติชื่นชอบนั้นก็การใช้สมันไพรมาปรุง แต่ก็ต้องให้มีควารู้เรื่องการปลูก การแปรรูปสมุนไพรที่มีคุณภาพ ปลอดภัยด้วย และทำการตลาดให้เร็ว โดยประสานกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ” นายเดชอิศม์กล่าว