ถึงจุดเสี่ยง “นวดไทย” มรดกโลก-Soft Power

ถึงจุดเสี่ยง “นวดไทย” มรดกโลก-Soft Power

"นวดไทย" มรดกโลก Soft Power อาชีพสงวนคนไทย แต่วันนี้กำลังเผชิญกับจุดเสี่ยง เรียกว่าคนไทยไหลออก คนนอกไหลเข้า โดนหมอนวดเถื่อนต่างชาติรุกคืบเข้ามาบริการ เฉพาะพื้นที่กทม.กว่า 50,000 คน ร้านนวดไทยมีแค่ 25 % เท่านั้นที่เป็นร้านสีขาว เร่งยกระดับปั้น “หมอนวดเกรดA”

KEY

POINTS

  • 5 ปีที่นวดไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ บวกกับรัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้เป็น Soft Power ของประเทศไทย 
  • นวดไทย ความจริงในวันนี้ คือ กำลังเผชิญกับจุดเสี่ยง หมอนวดฝีมือดีไหลไปทำงานต่างประเทศ ส่วนในประเทศโดนหมอนวดเถื่อนต่างชาติรุกคืบเข้ามาบริการ เฉพาะพื้นที่กทม.กว่า 50,000 คน ทั้งที่เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย 
  • ร้านนวดไทยมีแค่ 25 % เท่านั้นที่เป็นร้านสีขาว ที่เหลือเป็นสีเทา สีดา กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เร่งยกระดับปั้น “หมอนวดเกรดA”

เป็นเวลา 5 ปีแล้ว นับตั้งแต่การประชุม คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage – ICS-ICH) ในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2562 ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย มีมติให้ขึ้นทะเบียน “นวดไทย” หรือ “Nuad Thai, Traditional Thai Massage” ในบัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ

ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003ขององค์การยูเนสโก ถือเป็นการสร้างความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของนวดไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในระดับสากล รวมถึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ เข้าถึง พัฒนา และสงวนรักษาศาสตร์ด้านการนวดไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง

หมอนวดไทย ถูกซื้อตัวไปต่างประเทศ ราคาสูง

 ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน“นวดไทย”เป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ความเป็นไทย จะผลักดันสู่สายตานานาประเทศมากขึ้น ตามนโยบายSoft Power ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศให้ความสนใจนวดไทยเป็นอย่างมาก บวกกับต้องการแรงงานนวดไทยไปทำงานจำนวนมากเช่นกัน  จนเกิดการซื้อตัวหมอนวดฝีมือดีในราคาที่สูง หมอนวดไทยจึงหลั่งไหลไปทำงานในต่างประเทศมากขึ้น 

อย่างเช่น  ประเทศแถบตะวันออกกลาง มีการซื้อตัวพนักงานนวด หรือสปา เธอราปิสต์ (Spa Therapist) ชาวไทยที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญสูง ในอัตราค่าจ้าง 120,000-160,000 บาทต่อเดือน มากกว่าอัตราค่าจ้างในประเทศ 4-5 เท่า ซึ่งอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือนในไทย  ดึงดูดให้หมอนวดชาวไทยหลั่งไหลไปทำงานในแถบตะวันออกกลางจำนวนมาก

นวดไทยอาชีพสงวน แต่หมอนวดต่างชาติเถื่อนเต็มกทม.

ขณะที่ภาพของนวดไทยภายในประเทศไทย  ซึ่งตามประกาศของกระทรวงแรงงานนั้น  “นวดไทย” เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นงานที่แสดงถึงอัตลักษณ์ไทยและคำนึงถึงโอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทย

แต่ล่าสุด นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวี เพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย พร้อมด้วยเครือข่าย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เพื่อสะท้อนปัญหาของหมอนวดที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน 

โดยระบุว่า  หมอนวดเถื่อนต่างชาติ ที่เข้ามาลักลอบประกอบอาชีพหมอนวด แย่งอาชีพคนไทย ทั้งที่หมอนวดเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้คนไทย ตอนนี้เฉพาะกรุงเทพฯพบประมาณ 5 หมื่นคน มาจากประเทศ ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม อีกทั้ง ยังพบจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดใหญ่ๆ  อยากขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง 

 ขณะที่คนไทยที่จะประกอบอาชีพหมอนวดกลับขึ้นทะเบียนยาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จึงอยากให้มีการปรับโดยให้สำนักงานสาธาณสุขจังหวัด(สสจ.) เป็นผู้ส่งเอกสารให้กับร้านนวด ซึ่งก็เป็นร้านที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)อยู่แล้ว ช่วยอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียน หรือกรณีคนที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการนวดแล้วให้สามารถขึ้นทะเบียนได้เลย เป็นต้น

ขอให้กฎหมายจัดการนวดพริตตี้

นายพิทักษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของร้านนวดที่แฝงบริการทางเพศ ต้องมีการช่วยกันดูแลกวดขัน และส่วนหนึ่งที่เห็นชัดเจน แค่ขับรถออกไปตามถนนก็จะเห็นว่า มีการติดป้ายประกาศนวดพริตตี้ สปาพริตตี้จำนวนมาก จึงอยากให้มีกฎหมายข้อใดที่จะมาแก้ไขหรือบังคับใช้ในร้านเหล่านี้ เพราะการใช้คำว่านวดนำหน้าตรงๆเช่นนี้ ทำให้เกิดผลกระทบกับชื่อเสียงของนวดไทย ซึ่งหากจะใช้คำว่านวดก็ต้องไปขออนุญาตกับกรมสบส. ไม่อย่างนั้นก็ต้องตัดคำว่า นวดออกไปต้องไม่มีคำว่านวดพริตตี้ สปาพริตตี้

ปั้นหมดนวดไทยเกรดA

นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลและสธ.ต้องการผลักดันให้การนวดไทยเป็นSoft Power ดังนั้น การขึ้นทะเบียนนั้นยังมีความจำเป็น แต่ต้องมีการจำแนกให้ชัดเจนในเรื่องของรูปแบบการนวด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การนวดเพื่อผ่อนคลาย กับการนวดรักษา

ในส่วนของการนวดรักษา ขณะนี้กรมสบส.อยู่ระหว่างการปรับปรุงการอบรม และขึ้นทะเบียนให้ชัดเจนแบ่งความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการเป็นหมอนวดเกรด A และมีการกำหนดกรอบอัตราค่านวดแผนไทย ที่สำคัญคือต้องระวังไม่ให้มีการแอบแฝงการนวดไทยมาขายบริการทางเพศ ให้เวลาทำราว2 เดือน ก่อนปีงบประมาณใหม่ อยากให้ทำเสร็จ

 ร้านนวดไทยสีขาวแค่ 25 %

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนสอนนวด 412 แห่ง มีหมอนวดขึ้นทะเบียนประมาณ 2 แสนคน แต่กลับไม่มีข้อมูลว่า มีการทำงานจริงอยู่เท่าไหร่ สอบถามไปยังหน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็จะเป็นตัวเลขประมาณการณ์เท่านั้นจึงอยากให้ช่วยกันทำข้อมูลตรงนี้ รวมถึงการแยกร้านนวดสีขาว ร้านนวดสีเทา สีดำ  ซึ่งพบว่า ในบรรดาร้านนวดที่มีอยู่ 1 ใน 4 หรือ 25% ที่เป็นร้านนวดสีขาว ส่วนที่เหลือ เป็นร้านนวดสีเทา สีดำ 

“จะเห็นว่าร้านนวดสีขาวมีน้อยกว่า ถ้าไม่ช่วยกันจะทำให้นวดไทย นวดสีขาวเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการนำเข้าคณะกรรมการเมดิคัลฮับ เพื่อทำโปรเจคนี้ขึ้นมา   ส่วนการขึ้นทะเบียนการนวดต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของ กรมสบส. มีการอบรมแบ่งหลักสูตรออกเป็นหลายระดับ ทั้งนวดผ่อนคลาย กับการนวดรักษา ซึ่งจะมีการสอนหลายๆ ชั่วโมง เช่นหลักสูตร 330 ชั่วโมง 372 ชั่วโมง เป็นต้น”นพ.ทวีศิลป์กล่าว