BDMS อัปเดต ‘กระดูกพรุนเพชฌฆาตเงียบ’-เทคนิคผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกหักซ้ำ
BDMS อัปเดตองค์ความรู้ “กระดุกพรุนเพชฌฆาตเงียบ” ได้รับการวินิจฉัย-รักษาน้อย เพราะป่วยไม่มีอาการจนเมื่อกระดูกหัก คุณภาพชีวิตแย่ พร้อมนำเสนอเทคนิคผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกหักซ้ำ คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว เจ็บน้อยมาก กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว
KEY
POINTS
- BDMS ประชุมวิชาการร่วม ประจำปี 2567 พัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ทางวิชาการ มุ่งเน้นการนำเสนอผลงานวิจัยที่หลากหลายสาขาวิชาการ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ BDMS เผย “กระดูกพรุนเพชรฆาตเงียบ” คาดหญิงทั่วโลกกว่า 200 คน กระดูกพรุน โดย 1 ใน 5 เท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัย ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ขณะที่หากปล่อยให้เกิดกระดูกหัก คุณภาพชีวิตแย่ลงและเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้น
- กระดูกสะโพกหักซ้ำหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงมาก แต่สามารถซ่อมได้ ซึ่งเทคนิคการผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อที่เป็นเทคนิคใหม่ ส่งผลให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว เจ็บน้อยมาก กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ย.2567 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดงานประชุมวิชาการร่วม ประจำปี 2567 “BDMS ACADEMIC ANNUAL MEETING 2024” อย่างเป็นทางการ โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “A ROAD TO LIFELONG WELL-BEING : EP.2 UNLOCK THE HEALTHY LONGEVITY” เพื่อพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ทางวิชาการ
มุ่งเน้นการนำเสนอผลงานวิจัยที่หลากหลายสาขาวิชาการ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ พร้อมการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิ และการสัมมนาเชิงลึกจากบุคลากรทางการแพทย์ตามลักษณะกลุ่มวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักรังสีการแพทย์ เป็นต้น
กระดูกพรุนเสี่ยงกระดูกหักง่าย
สำหรับวันที่ 19 พ.ย.2567 ที่BDMS Connect Center ในส่วนของศัลยกรรมกระดูก โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis: A Global Perspective and Treatment Updates): มุมมองระดับโลกและการอัปเดตการรักษา นพ.ทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ ศูนย์รักษากระดูกหัก ศูนย์กระดูกสันหลัง รพ.กรุงเทพ กล่าวว่า ทั่วโลกมีผู้ที่กระดูกพรุนราว 500 ล้านคน เป็นเพศหญิงราว 21 % เพศชาย 6.4 % ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายราว 3 เท่า คาดการณ์ว่าผู้หญิงทั่วโลกอย่างน้อย 200 ล้านคน แต่ได้รับการวินิจฉัยแค่ 1 ใ น 5 จำนวนนี้เพียง 1 ใน 3 ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และ 50 % รับการรักษาเพียง 6 เดือนแล้วหยุดยาเองอาจจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
“กระดูกพรุน เกิดจากการที่ความแข็งแรงของกระดูกลดลง ถือเป็นโรคของกระดูกหักจากความเปราะบาง ทำให้กระดูกหักได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัญหาใหญ่ของระดับโลกรวมถึงไทย คือ ยังกังวลกับกระดูกพรุนน้อยมากทั้งในบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย อาจจะเพราะเป็นโรคที่ไม่มีอาการตราบใดที่กระดูกยังไม่หัก ดังนั้น กระดูกหักจึงถือเป็นอาการแรกของกระดูกพรุน ซึ่งผู้ที่มีอายุ 50 ปีในเพศหญิง 1 ใน 3 เพศชาย 1 ใน 5 ในช่วงชีวิตจะต้องประสบกระดูกหักอย่างน้อย 1 ครั้ง”นพ.ทวีกล่าว
ค่าใช้จ่ายหลังกระดูกหักเพิ่มขึ้น 30 %
กระดูกพรุนเป็นSilent Killer หรือเพชรฆาตเงียบ หลังกระดูกหักจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยอย่างมาก คุณภาพชีวิตแย่ลงหรืออาจเสียชีวิต อีกทั้ง เกิดภาระมหาศาลในการรักษา อย่างประเทศในยุโรปต้นทุนหลังกระดูกหักเพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2017 และคาดไปในปี 2030 เพิ่มขึ้น 30 %ของค่าใช้จ่ายในการรักษากระดูกหักจากความเปราะบาง โดยกระดูกสะโพกหักมีปัญหามากที่สุด ต้องใช้เวลาดูแลมาก สำหรับประเทศไทย ข้อสะโพกหักเป็นปัญหาสำคัญ ล่าสุดมูลนิธิกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ระบุอุบัติการณ์ตั้งแต่ปี 2013-2019 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยอัตราประมาณ 30 %
สิ่งต้องทำเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน นพ.ทวี มองว่า จากที่BDMS ดำเนินการเรื่องค้นหาผู้ป่วยกระดูกหักแล้วรักษาและฟื้นฟูได้ดีอยู่แล้ว จึงต้องทำในเรื่องการป้องกันระดับปฐมภูมิ(Primary Prevention) ด้วยการค้นหากลุ่มเสี่ยง แบ่งเป็น กลุ่มเสี่ยงต่อการแตกหักสูงมาก สูง ระหว่างกลาง และต่ำ นำมาสู่การดูแลตามความเสี่ยง โดยในกลุ่มเสี่ยงระหว่างกลางและต่ำ ให้อาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและออกกำลังกาย
กลุ่มเสี่ยงสูง เริ่มให้ยา และกลุ่มเสี่ยงสูงมากต้องเข้ารับการรักษากระดูกพรุน โดยยาที่ให้ดูผลประโยชน์และความสะดวกสบายของคนไข้เป็นหลัก ทั้งยายับยั้งการสลายตัวของกระดูกและยากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ โดยในกลุ่มเสี่ยงสูงและสูงมากจะต้องควบคู่กับเสริมอาหารแคลเซียม วิตามินดีและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วย
สะโพกหักจากกระดูกพรุน คุณภาพชีวิตแย่ลง
ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ ดร.คริสเตียน คามเมอร์แลนด์เดอร์ The AUVA Accident Hospital นำเสนอว่า ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีกระดูกสะโพกหัก มักเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การเคลื่อนไหวลดลงและคุณภาพชีวิตที่แย่ลง มีเพียง 70% ของผู้ป่วยที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้หลังการรักษา 1 ปี และอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่ที่ 66%
จึงควรตรวจคัดกรองผู้ที่ยังไม่มีภาวะกระดูกหัก เพื่อป้องกันและลดโอกาสเกิดกระดูกหักในอนาคต ทั้งนี้ การรักษาควรเป็นแบบสหสาขาวิชาชีพ ด้วยการผสมผสานแพทย์เฉพาะทาง, การดูแลขั้นปฐมภูมิ และโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน โดยต้องต่อเนื่อง เช่น การติดตามผลหลังการผ่าตัด เพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
สำหรับแนวทางการพัฒนาระบบรักษาในโรงพยาบาล มีการนำระบบการจัดการใหม่ เช่น โปรแกรมเร่งรัดสำหรับผู้ป่วยกระดูกหัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดภาวะแทรกซ้อน,ต้องปรับปรุงทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น เพิ่มบุคลากรอย่างพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก และลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนและค่าใช้จ่ายระยะยาวโดยการจัดการทรัพยากรและบุคลากรอย่างเหมาะสม
ระบบสุขภาพต้องให้ความสำคัญ
“ โรคกระดูกพรุนถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องอาศัยการจัดการเชิงรุกทั้งในด้านการป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟู เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระต่อระบบสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น การรักษาโรคกระดูกพรุนและการฟื้นฟูผู้ป่วยต้องได้รับการจัดลำดับความสำคัญในระบบสุขภาพ จำเป็นต้องพัฒนากระบวนการรักษาอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การป้องกันจนถึงการฟื้นฟู และต้องได้รับการตระหนักว่าเป็นปัญหาระดับโลกที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจโดยรวม”ศ.เกียรติคุณ ดร.คริสเตียนกล่าว
เทคนิคการผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกเทียมเมื่อหักซ้ำ
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอ “แนวทางใหม่ในการจัดการการหักของกระดูกต้นขาหลังการผ่าตัดข้อต่อเทียม” นพ.พนธกร พานิชกุล รพ.กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า หลังคนไข้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกไปแล้วเกิดอุบัติเหตุล้ม ทำให้หักซ้ำบริเวณข้อสะโพกเทียมที่ผ่าตัดไปเกิดขึ้นได้ราว 2 % ถือว่าน้อยเพราะมีโอกาสล้มน้อย เว้นแต่เกิดอุบัติเหตุ แต่กว่า 90 % ล้มแล้วไม่หัก
ทว่าเมื่อหักซ้ำเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะการที่กระดูกสะโพกหักซ้ำหลังเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงมาก แต่สามารถซ่อมได้ ซึ่งเทคนิคการผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อที่เป็นเทคนิคใหม่ ส่งผลให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว เจ็บน้อยมาก กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว โดยรพ.กรุงเทพมีการนำเทคนิคนี้มาใช้กว่า 10 ปี และผ่าตัดไปหลายพันคน ได้ผลดีมาก
“เมื่อมีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุล้มและกระดูกหัก จะเสียเลือด มีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อมากขึ้น เนื้อเยื่อรอบๆข้อสะโพกเทียมที่เสียไปก็บากเจ็บมากขึ้น และการผ่าตัดซ่อมจะทำได้ยากกว่าเดิม แต่ด้วยเทคนิคเทคนิคการผ่าตัดซ่อมข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ ทำให้การผ่าตัดที่เหมือนยากและฟื้นตัวได้ช้า กลับมาฟื้นตัวได้ไวขึ้นและเทียบเท่ามกล้เคียงเดิม”นพ.พนธกร กล่าว
ในผู้ป่วยที่กลับมาหักซ้ำที่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวมาก และมีกระดูกพรุน เทคนิคการผ่าตัดนี้สามารถทำได้แต่จะมีความยากขึ้น แต่แพทย์ที่รพ.กรุงเทพมีประสบการณ์ในการใช้เทคนิคนี้และสามารถนำมาใช้ซ่อมกรณีหักซ้ำได้ด้วย ซึ่งปัจจัยความสำเร็จของการใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบนี้ คือ แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ทีมงานต้องช่วยเหลือกัน รพ.และเครื่องมืออุปกรณ์ เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย เอ็กซเรย์ในห้องผ่าตัดการใช้หุ่นยนต์ช่วย ทำให้การผ่าตัดได้สำเร็จและแม่นยำมากขึ้น
ปฏิวัติการฟื้นฟู
พญ.ฐิติรัตน์ รักษ์วิทย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู รพ.กรุงเทพ นำเสนอเรื่อง “ก้าวไปข้างหน้า ,ยืนหยัดอย่างมั่นคง:การปฏิวัติการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดและการรับน้ำหนักในการฟื้นฟูสมรรถภาพ”ว่า อยากให้เห็นความสำคัญของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดมากขึ้น จากเดิมโฟกัสเพียงการฟื้นฟูหลังผ่าตัดเท่านั้น โดยมีการให้ความรู้ทั้งคนไข้และญาติ มีการถามประวัติคนไข้การใช้ชีวิตเดิมของคนไข้ เช่น คนไข้มาด้วยข้อสะโพกหัก ก็จะถามว่าก่อนหน้านี้เดินด้วยไม้เท้าหรือไม่ ทำอะไรด้วยตนเองได้บ้าง เพื่อประเมินเป้าหมายหลังผ่าตัดที่ต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมมากที่สุด รวมถึง สอนเรื่องการออกกำลังกาย การหายใจที่ควรทำหลังผ่าตัดและไม่ควรทำ และการเตรียมบ้าน
“เท่าที่เก็บข้อมูลของรพ.กรุงเทพ สิ่งสำคัญที่เห็นได้ชัด คือ คนไข้จะทำความเข้าใจ เตรียมพร้อมเรื่องความเจ็บปวด ทำให้ง่ายต่อการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด และการออกกำลังกายการสอนก่อนผ่าเพราะหากสอนหลังผ่าตัดคนไข้จะมีความเจ็บอยู่ก็จะทำไม่ได้ และไม่เข้าใจ ซึ่งการจะให้บริการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดได้นั้น ความพร้อมของบุคลากรมีความสำคัญ โดยที่รพ.กรุงเทพมีภายภาพบำบัดกว่า 100 คนและแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเต็มเวลา 10 คนและพาร์ทไทม์ด้วย ” พญ.ฐิติรัตน์กล่าว