งบประมาณแผ่นดินแค่ 1 ใน 8 ของรายได้ แนะดึงเงินจากภาคเอกชนร่วมพัฒนาสังคม
ที่ปรึกษามจธ.เผย งบประมาณแผ่นดินของรัฐ แค่ 1 ใน8 ของรายได้ประชาชาติ มีเงินมากกว่างบประมาณอีก 8 เท่า ดึงมาใช้พัฒนาสังคม แนะช่องทางออก“พันธบัตรเพื่อสังคม” ให้เอกชนเข้ามาร่วม
จากการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) วิจัย พัฒนา ติดตั้ง และทดลองใช้กังหันน้ำผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี 2548 จนสามารถติดตั้ง “กังหันน้ำคีรีวง” ที่มีกำลังผลิต 1 กิโลวัตต์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2552 ปัจจุบันติดตั้งแล้วกว่า 160 ชุด มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกันกว่า 110 กิโลวัตต์ และมีแผนขยายการใช้ไปในอีก 40 อำเภอ 6 จังหวัด รอบเทือกเขานครศรีธรรมราช
เมื่อเร็วๆนี้ ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ที่ปรึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) กล่าวระหว่างการลงพื้นที่หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชว่า มจธ.นำวิชาการเข้ามาวิจัยตอบโจทย์ชาวบ้านให้มีไฟฟ้าใช้ในสวน ช่วยให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตทีดี ผ่านมา 10 ปี จะต้องมองเรื่องการบริหารจัดการของชุมชนที่จะขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืน เพราะเชื่อว่าเงินจากภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุนจะไม่มากไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว ชาวบ้านจึงต้องคิดวาง “แผนธุรกิจคีรีวง” เริ่มด้วยการจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกังหันน้ำคีรีวง” เป็นแม่ข่ายศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปให้พื้นที่อื่น
สำหรับแหล่งเงิน 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ควรเข้ามาสนับสนุน เพราะจะทำให้ชุมชนมีรายได้ และกลับมาพัฒนาชุมชนเองนอกเหนืองบประมาณจากส่วนกลาง
2.ภาคธุรกิจ ในจ.นครศรีธรรมราช เช่น รีสอร์ท หรือปตท.ที่มาลงทุนน้ำมันในพื้นที่นี้มาก จะต้องมีแผนCSR บริจาคนำเงินเข้ามาช่วยพัฒนาส่งเสริมชุมชนในจังหวัดที่เข้าไปทำธุรกิจด้วย
3.กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) รายได้จากวิสาหกิจชุมชนจะต้องอยู่ได้ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นมีกำไร และสถาบันการศึกษาและกระทรวงพลังงานต้องเข้ามาช่วยพัฒนา
และ4.ออกพันธบัตรเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคม (Social Impact Bond) อย่างเช่นที่เอกชนรายใหญ่รายหนึ่งของไทย เคยขายพันธบัตร และบริจาคเงินมา 200 ล้านบาทบริษัทก็จะหักภาษีได้ 400 ล้านบาท ให้กับกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา นำเงินไปแก้ปัญหาเด็กราชบุรีหลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชก็น่าจะทำได้ ถ้าดำเนินการเหล่านี้ได้การพัฒนาต่างๆในชุมชนก็ไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งแต่งบประมาณจากรัฐ
“เมืองไทยคนรวยมีเงินจำนวนมาก แต่จะทำอย่างไรให้สามารถเอาเงินจากคนรวยได้ ภาพใหญ่ งบประมาณแผ่นดินของรัฐ ราว 1 ใน 7 หรือ 8 ของรายได้ประชาชาติ หมายความว่ายังมีเงินที่มากกว่างบประมาณแผ่นดิน ราว 2 ล้านๆบาทอีก 8 เท่า ทำอย่างไรจะเอาเงินจากตรงนี้ได้”ดร.กฤษณพงศ์กล่าว
ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวด้วย เมื่อปี 2564หรือ 2565 มูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่างบประมาณแผ่นดินหลายเท่า เข้าใจว่าเงินปันผลของตลาดหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 10 %ของงบประมาณแผ่นดิน หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท ฉะนั้น จะทำอย่างไรที่จะนำเงินจากภาคเศรษฐกิจมาช่วยในการพัฒนาสังคม
