คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ? ‘คนจน’ ในประเทศไทย อยู่ที่ไหนบ้าง 

คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ? ‘คนจน’ ในประเทศไทย อยู่ที่ไหนบ้าง 

เปิดสถิติจำนวน “คนจน” ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในประเทศไทยประจำปี 2565 มีเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน หลัง “คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ” กลายเป็นไวรัลดัง

หากคุณเล่นโซเชียลช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันใด ๆ คงจะต้องวิดีโอผู้หญิงสาวหน้านิ่งร้องเพลงหมอลำที่มีเนื้อเพลง “คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ?” ซึ่งทำเอาคนฟังขำเนื้อร้องที่จริงใจ ตรงประเด็น บวกับท่าทีการร้องของเธอที่ขัดกับเนื้อร้อง 

สำหรับผู้ที่ขับร้องเพลงนี้ คือ “เดือนเพ็ญ เด่นดวง” นักร้องหมอลำซิ่ง โดยแปลงเนื้อร้องจากเพลง สมองจนจน ของ มืด ไข่มุก (วงพลอย) ทำการแสดงที่ งานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อปี 2539 ในงานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ 

คลิปนี้กลายเป็นไวรัลทั่วโลกออนไลน์ พร้อมเกิดประเด็นตามมามากมาย และการตั้งคำถามว่าในปัจจุบันนี้ คนจนมีสิทธิ์อะไรบ้าง และพวกเขาอยู่ที่ไหนในประเทศนี้บ้าง?

  • ประเทศไทยมี “คนจน” เป็นล้านคน

ประเทศไทยทำการสำรวจข้อมูล “คนจน” ทุกปีโดย “ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า” หรือ TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ด้วยการอาศัยข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐหลายแหล่งมายืนยันซึ่งกันและกันภายใต้สมมติฐานว่า คนที่ได้รับการสำรวจว่าจน (survey-based) และยังมาลงทะเบียนว่าจนอีกด้วย (register-based) น่าจะเป็น “คนจนเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน” 

ในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ที่เข้าเกณฑ์คนจนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนทั้งสิ้น 1,025,782 คน คิดเป็น 2.84% จากประชากรที่ถูกสำรวจ 36,103,806 คน โดยจังหวัดที่มีคนจนมากที่สุด คือ “เชียงใหม่” มีจำนวนคนจนทั้งสิ้น 52,928 คน ตามมาด้วย “บุรีรัมย์” 45,356 คน ส่วนอันดับที่ 3 คือ “เชียงราย” ด้วยจำนวน 42,140 คน “นครศรีธรรมราช” รั้งอันดับ 4 ด้วยจำนวน 36,941 คน และอันดับที่ 5 เป็นของ “อุดรธานี” 36,931 คน 

ขณะที่ จังหวัดที่มีคนจนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนน้อยที่สุด คือ “ตราด” มีคนจนเพียง 706 คน

หากแยกคนจนตามมิติต่าง ๆ จะพบว่ามีคนจนรายได้มากที่สุดถึง 506,647 คน อันดับที่ 2 เป็น คนจนการศึกษามีทั้งสิ้น 272,518 คน ตามมาด้วย คนจนสุขภาพจำนวน 218,757 คน อันดับที่ 4 คือ คนจนความเป็นอยู่ 220,037 คน ส่วนคนจนการเข้าถึงบริการภาครัฐมีเพียง 3,335 คน

  • วิธีการหา “คนจน” ในประเทศไทย

สำหรับข้อมูลการสำรวจคนจนเป็นของ ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) จากกรมการพัฒนาชุมชน ส่วนข้อมูลลงทะเบียนว่าจน มาจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐจากกระทรวงการคลัง ดังนั้น “คนจนเป้าหมาย” ของ TPMAP ก็คือคนจนใน จปฐ. ที่ไปลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ

เพื่อให้ได้คนจนเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนอย่างครอบคลุมและครบถ้วน TPMAP จึงใช้วิธีการคำนวณดัชนีความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index: MPI) ซึ่งคนจนจะต้องมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่าเกณฑ์คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างน้อยหนึ่งมิติ เกณฑ์คุณภาพชีวิตที่ดีมีด้วยกัน 5 มิติประกอบไปด้วย

 

ด้านสุขภาพ 

  • เด็กแรกเกิดมีน้ำหนัก 2,500 กรัมขึ้นไป 
  • ครัวเรือนกินอาหารถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน 
  • ครัวเรือนมีการใช้ยาเพื่อบำบัด บรรเทาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นอย่างเหมาะสม 
  • คนอายุ 6 ปีขึ้นไป ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที 

ด้านความเป็นอยู่ 

  • ครัวเรือนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย และบ้านมีสภาพคงทนถาวร
  • ครัวเรือนมีน้ำสะอาดสำหรับดื่มและบริโภคเพียงพอตลอดปี อย่างน้อยคนละ 5 ลิตรต่อวัน
  • ครัวเรือนมีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี อย่างน้อยคนละ 45 ลิตรต่อวัน
  • ครัวเรือนมีการจัดการบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และถูกสุขลักษณะ 

ด้านการศึกษา 

  • เด็กอายุ 3-5 ปี ได้รับบริการเลี้ยงดูเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน 
  • เด็กอายุ 6-14 ปี ได้รับการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี 
  • เด็กจบชั้น ม.3 ได้เรียนต่อชั้น ม.4 หรือเทียบเท่า 
  • คนอายุ 15-59 ปี อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขอย่างง่ายได้ 

ด้านรายได้ 

  • คนอายุ 15-59 ปี มีอาชีพและรายได้ 
  • คนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีอาชีพและรายได้ รายได้เฉลี่ยของคนในครัวเรือนต่อปี 

ด้านการเข้าถึงบริการรัฐ 

  • ผู้สูงอายุ ได้รับการดูแลจากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน 
  • ผู้พิการ ได้รับการดูแลจากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน

ข้อมูลของ TPMAP นำมาใช้ตอบคำถามได้ว่า คนจนอยู่ที่ไหน? คนจนมีปัญหาอะไร? จะพ้นความยากจนได้อย่างไร? โดยสามารถนำประโยชน์ในการกำหนดนโยบายสาธารณะในระดับประเทศ และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้สามารถออกนโยบายและปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด

 

  • ประเทศไทยมีคนจนแค่ล้านกว่าคน ?

เนื่องด้วย TPMAP ใช้ข้อมูลของภาครัฐมาตรวจสอบกัน อาจมีรายชื่อคนจนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนตกหล่นไป เพราะคนจนเหล่านั้นไม่ได้ถูกสำรวจ และไม่ได้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากรายงาน การประเมินผลงานของรัฐบาลประยุทธ์ 2 และข้อเสนอแนะทางนโยบายต่อรัฐบาลใหม่ ที่จัดทำโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า รัฐบาลเน้นแนวคิดในการให้สวัสดิการแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่ม ผู้มีรายได้น้อยและคนจน กลุ่มเกษตรกร แรงงานนอกระบบบางกลุ่ม ด้วยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

“รัฐบาลไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาพื้นฐานของการให้สวัสดิการแบบเจาะจง คือการตกหล่นคนจน ซึ่งมีสูงถึง 51% ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ 31% ในโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ทั้งที่ประสบการณ์ทั่วโลกชี้ให้เห็นว่านโยบายแบบเจาะจง จะมีปัญหาการตกหล่นคนจนในสัดส่วนสูงเกือบทั้งหมด”

ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอชี้สาเหตุที่คนจนตกหล่นจากการลงทะเบียนรับสวัสดิการของรัฐมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเป็นกลุ่มที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ไม่เข้าใจเงื่อนไข ไม่แน่ใจว่าตนเองจะได้รับสิทธิ์หรือไม่ ทำให้ไม่กล้ามาลงทะเบียน รวมไปถึงกลุ่มเปราะบางที่อยู่บ้าน เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเองได้

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติรับบัตรสวัสดิการมากกว่าจำนวนคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเกือบสิบเท่า

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ข้อมูลจนถึงวันที่ 4 ก.ย.2566 มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 13,809,073 คน หรือคิดเป็น 91.8% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด

แม้ว่าบทเพลงนี้จะผ่านมากกว่า 30 ปีแล้ว แต่คนจนในไทยก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน และการเรียกร้องสิทธิ์ที่ควรจะได้รับก็ยังคงอยู่ โดยหวังจะได้สวัสดิการอย่างเหมาะสมไม่ว่าจะจากรัฐบาลใดก็ตาม


ที่มา: BBCThai PBSTDRITPMAP

กราฟิก: รัตนากร หัวเวียง

คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ? ‘คนจน’ ในประเทศไทย อยู่ที่ไหนบ้าง