มูลนิธิรักษ์ตับ ยื่น สปสช. ให้บรรจุยานวัตกรรมเข้าชุดสิทธิประโยชน์เพื่อคนไทย
มูลนิธิรักษ์ตับสานต่อความสำเร็จแคมเปญ “Voice for Change” ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง สปสช. เรียกร้องให้บรรจุยานวัตกรรมเข้าอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์เพื่อคนไทย
มูลนิธิรักษ์ตับ พร้อมด้วยตัวแทนผู้ป่วย โรคมะเร็งตับ ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สานต่อความสำเร็จของแคมเปญ "Voice for Change หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ" เพื่อเร่งการบรรจุยารักษามะเร็งตับเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ ใน สปสช. และผลักดันแนวทางการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งตับชาวไทย
"มะเร็งตับ" พบมากเป็นอันดับหนึ่งและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของมะเร็งในคนไทย ซึ่งพบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในผู้ชาย และพบเป็นอันดับ 3-4 ในผู้หญิง อย่างไรก็ตามในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถพบโรคมะเร็งตับได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยในปี พ.ศ. 2563 ยอดผู้เสียชีวิตจากมะเร็งตับมีจำนวนสูงถึง 26,704 ราย จากจำนวนผู้ป่วยที่พบทั้งหมด 27,394 ราย คิดเป็น 97.5% ของผู้ป่วยมะเร็งตับ ถือเป็นวาระเร่งด่วนทางด้านสาธารณสุขของไทยที่ทุกคนต้องหันมาให้ความสำคัญไม่แพ้ภัยสุขภาพอื่นๆ
นพ.จำรัส พงษ์พิศ อายุรแพทย์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลหนองคาย ในฐานะตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับ พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งตับและผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ รวม 7 คน ได้เข้าพบ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ ผศ.ภญ.ยุพดี-ศิริสินสุข และนายดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นางสาวนงลักษณ์ ยอดมงคล ผู้ช่วยเลขาธิการสำหนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และนายณรงค์ อาสายุทธ ผู้อำนวยการกลุ่มสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคมะเร็งตับและการรักษา ปัญหาและความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ป่วยในประเทศไทย และร่วมหารือแนวทางการพัฒนาการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
ผศ.ภญ.ยุพดี-ศิริสินสุข กล่าวว่า สปสช. เข้าใจถึงสถานการณ์และเห็นใจผู้ป่วย โรคมะเร็งตับ ที่ไม่สามารถเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างทั่วถึงเนื่องจากประสบปัญหาในด้านค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทางหน่วยงานมิได้นิ่งนอนใจ พร้อมรับฟังเสียงของผู้ป่วยมะเร็งตับและดำเนินนโยบายที่จะช่วยเหลือให้ผู้ป่วยมะเร็งตับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยในที่ประชุมสปสช. มีมติเห็นชอบในการเริ่มดำเนินนโยบายผลักดันการบรรจุยานวัตกรรมเข้าสู่สิทธิการรักษาของคนไทยให้เกิดความคืบหน้าภายใน 1 เดือน ผ่านการหารือกับหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตยาที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ แพทย์ผู้ชำนาญการโรคตับ ตลอดจนบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าต้องมีผู้รับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาและห้ามผลักภาระให้ผู้ป่วยเด็ดขาด
นายวีรยุทธ ยอดคำ ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะลุกลาม เผยถึงประสบการณ์การป่วยเป็นมะเร็งตับ และขั้นตอนการรักษาว่า ป่วยมาตั้งแต่ปี 2562 รับประทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดลงวันละ 1-2 กิโลกรัมทุกวัน ในช่วง 1 เดือน น้ำหนักลดไป 20 กิโลกรัม คิดว่าตนเองคงไม่รอด
นายวีรยุทธ เล่าอีกว่า พอเจอหมอ หมอแนะนำให้รักษาด้วยการรับประทานยา เพราะเป็นเคสระยะลุกลาม เนื่องจากเป็นไวรัสตับอักเสบซี หมอจึงให้ยาต้านไวรัสก่อน แล้วค่อยใช้ยาพุ่งเป้ารักษามะเร็งอีกที โดยได้รับประทานยาเม็ดประมาณ 2-3 เดือน แล้วเกิดอาการข้างเคียงเยอะมาก มือเท้าแตก จับอะไรนิดหน่อยเป็นแผลแตกหมด ใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างลำบากจึงขออาจารย์หยุดยาเพราะรู้สึกทนไม่ไหว และขอเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น อาจารย์เลยแนะนำตัวยาปัจจุบันให้ ซึ่งเป็นยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด ร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด
"พบว่าดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียง และน้ำหนักเพิ่มขึ้น จากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองคงไม่รอด แต่ตั้งแต่ที่ได้รับยาภูมิคุ้มกันบำบัด อาการดีขึ้นมา 3 ปีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ป่วยมะเร็งรายอื่นๆ ที่เคยพูดคุยด้วยตอนรอพบหมอ เขาบอกว่าพวกเขาได้รับยาคีโม แต่มันไม่ใช่ยาที่พวกเขาอยากได้ เพราะกลับบ้านไปแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก ผมร่วง กินข้าวไม่ได้ นอนไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วทุกคนก็อยากเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพ อยากได้สิ่งที่ดีๆ ให้ชีวิตตนเอง ปัจจุบันผมมาหาหมอทุกๆ 3 สัปดาห์ เพื่อมารับยา แต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เพราะยาไม่ได้อยู่ในสิทธิ์รักษา 30 บาท"
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกที่มีการร่วมลงชื่อของประชาชนคนไทยกว่า 5,092 รายชื่อ ผ่านแคมเปญ "Voice for Change หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ" เรียกร้องให้มีมาตรการตามข้อเสนอและปรับปรุงรายการบัญชียาเพื่อให้ ผู้ป่วยมะเร็งตับ เข้าถึงยารักษาโรคมะเร็งตับกลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด และยาต้านการสร้างหลอดเลือดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับลงในชุดสิทธิประโยชน์สปสช. เป็นสิทธิ์การรักษาขั้นพื้นฐานของคนไทยเพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งตับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การรักษาโรคมะเร็งตับด้วยยาในปัจจุบัน แบ่งเป็น 4 วิธีหลัก ได้แก่ ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยาภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ในการเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยาภูมิคุ้มกันบำบัดโดยใช้ร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด ซึ่งมีหลักฐานสนับสนุนทางวิชาการที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์การรักษาที่ดี ช่วยยืดระยะเวลาปลอดโรค และช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
แคมเปญ "Voice for Change หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ" เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิรักษ์ตับ เพื่อสะท้อนผลกระทบจากโรคมะเร็งตับ และผลักดันการเข้าถึงยาสำหรับรักษาโรคมะเร็งตับให้เข้าอยู่ในสิทธิการรักษาของคนไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการรณรงค์บนเว็บไซต์ change.org มีเป้าหมายรวบรวมรายชื่อประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับ นำไปสู่การพิจารณาสิทธิรักษาพยาบาล เพิ่มโอกาสในการรักษาที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย คลายกังวลใจต่างๆ ของครอบครัว ลดการสูญเสียทรัพยากรแรงงานของประเทศ และช่วยให้ระบบดูแลสุขภาพของประเทศไทยรับมือกับภัยคุกคามทางสุขภาพนี้ได้อย่างยั่งยืน