ร้อนระอุ ปี 67 จับตาภัยแล้ง ไทยร้อนหนัก เตือน 'ฮีทสโตรก' ป้องกัน รักษาทันการณ์
ร้อนระอุ ปี 67 จับตาภัยแล้ง กรมชลประทาน ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเกษตรกรขาดแคลนน้ำ ด้าน สธ. เผยปีนี้ อากาศร้อน ไทยร้อนหนัก กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์อุณหภูมิสูงถึง 44.5 องศาเซลเซียส เตือนประชาชนระวัง "ฮีทสโตรก" อันตรายถึงชีวิต พร้อมแนะวิธีป้องกัน สังเกตอาการ รักษาทันการณ์
ร้อนระอุ ปี 67 จับตาภัยแล้ง! กรมชลประทาน เดินหน้าส่งเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เข้าไปช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงภัยแล้ง ฤดูแล้ง อากาศร้อน ในพื้นที่ต่างๆ
นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักเครื่องจักรกล ร่วมกับโครงการชลประทานในพื้นที่ ติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำให้เกษตรกรได้เพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง อาทิ
จังหวัดปทุมธานี
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 12 นิ้ว บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองส่งน้ำ 6 ซ้าย ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จำนวน 1 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองส่งน้ำ 7 ซ้าย ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จำนวน 1 เครื่อง และบริเวณประตูระบายน้ำปากคลองส่งน้ำ 8 ซ้าย ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 เครื่อง
จังหวัดนครนายก
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง บริเวณ หมู่ที่ 11 ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา
จังหวัดนครศรีธรรมราช
- ติดตั้งเครื่องเครื่องสูบน้ำ จำนวน 2 เครื่อง บริเวณบ้านเหมืองนายลับหมู่ที่ 5 ตำบลเขาพังไกร อำเภอหัวไทร
จังหวัดพัทลุง
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน 3 เครื่อง บริเวณ หมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 10 ตำบลพญาขัน อำเภอเมืองพัทลุง
จังหวัดนราธิวาส
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่องบริเวณคลองระบายน้ำสาย 2 ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อลดผลกระทบและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำตลอดช่วงฤดูแล้ง
พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่เป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
ด้าน กระทรวงสาธารณสุข หรือ สธ. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ปีนี้ไทยร้อนหนักกว่าปีก่อน ห่วงประชาชนเกิด "ฮีทสโตรก" อันตรายถึงชีวิต พร้อมแนะวิธีป้องกัน สังเกตอาการ จะได้รักษาทันการณ์
โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศ อากาศร้อน อุณหภูมิสูง ปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน อาจสูงถึง 44.5 องศาเซลเซียส ซึ่งมีความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
โดยดูได้จากค่าดัชนีความร้อน ซึ่งเป็นค่าที่สะท้อนความรู้สึกร้อนของร่างกาย จากการนำอุณหภูมิของอากาศมาคิดร่วมกับความชื้นสัมพัทธ์ เนื่องจากเมื่อความชื้นสัมพัทธ์สูงจะทำให้เหงื่อระเหยยาก และส่งผลให้รู้สึกร้อนกว่าอุณหภูมิจริงของอากาศ
หากค่าดัชนีความร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส จะมีความเสี่ยงเกิดโรคลมแดด หรือโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายร้อนจัดจนส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
กลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดโรคฮีทสโตรก อากาศร้อน อุณหภูมิสูง
- เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน จึงควรอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงแต่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน จะมีโอกาสเกิดฮีทสโตรกได้เช่นกัน
ดังนั้น หากต้องทำงานกลางแจ้ง ควรเลี่ยงการสวมชุดที่มีสีเข้ม เนื่องจากจะดูดซับความร้อนได้ดี ดื่มน้ำมากๆ และสลับเข้าพักในที่ร่มเป็นระยะ เช่น ทุก 30 นาที หรือทุกชั่วโมง
วิธีป้องกัน อาการสำคัญ สังเกตอาการ โรคฮีทสโตรก อากาศร้อน อุณหภูมิสูง
วิงเวียน อ่อนเพลีย ร่างกายมีความร้อนเพิ่มขึ้น เหงื่อไม่ค่อยออก ผิวร้อน แดง แห้ง หากเริ่มมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบเข้าที่ร่มหรือห้องที่มีความเย็น และดื่มน้ำมากๆ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โรคฮีทสโตรก
ให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง คลายเสื้อผ้าให้หลวม ถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ซอกคอ รักแร้ และศีรษะ ร่วมกับใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดตันทางเดินหายใจ และหากปฐมพยาบาลแล้วอาการไม่ดีขึ้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือโทรแจ้งสายด่วน 1669
อย่างไรก็ตาม สามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคฮีทสโตรกได้ด้วยการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแดดนานเกินไป หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก โดยเฉพาะการออกกำลังกายกลางแจ้ง
ลดภาวะโรคฮีทสโตรก หากต้องการออกกำลังกาย ควรปฏิบัติ ดังนี้
- ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ หากสูญเสียเหงื่อมากควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น หรือเปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในอาคาร หรือบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท
- สวมชุดออกกำลังกายที่ระบายความร้อนได้ดี และ
- ออกกำลังกายเป็นกลุ่ม เพื่อหากมีอาการผิดปกติได้รีบแจ้งบุคคลใกล้ชิด
อ้างอิง : กระทรวงสาธารณสุข ,กรมชลประทาน