‘กอบศักดิ์ ภูตระกูล’ ในวันที่ ‘การปลูกไม้ดอก’ ทำให้อยากตื่นไปทำงานมากขึ้น
คอลัมน์ The Thought Leaders ผู้นำทางความคิด ชวนไปพูดคุยกับ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” นอกเหนือจากประเด็นด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กิจวัตรประจำวัน งานอดิเรก และสิ่งที่อยากกลับไปแก้ไขในวัยเด็ก
เดินเข้ามาในสตูดิโอของ “กรุงเทพธุรกิจ” ด้วยสูทดำตัดกับเชิ้ตขาวด้านในตามขนบ พร้อมผูกเนกไทสีแดงคาดขาว คือ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” หรือ “ดร.กอบ” ของบรรดานักข่าวสายเศรษฐกิจ ที่ปัจจุบันสวมหมวกเป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หากพิจารณาจากเสื้อผ้าที่เจ้าตัวสวมใส่ เราอาจจะรู้สึกถึงความทางการ น่าเกรงขาม ทว่าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มและบุคลิกที่เป็นกันเอง เรากลับเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกของการพูดคุย
แม้ก่อนหน้านี้ เรามักเห็นโพสต์เฟสบุ๊กของดร.กอบเด้งขึ้นมาบนหน้าฟีดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก แต่มีหนึ่งโพสต์ที่เราสนใจ คือชายในสูทดำผู้นี้ไม่เพียงเข้าใจทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มหภาค (ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของหลายคน) อย่างกระจ่างแจ้ง แต่เขายังมีมุมที่ค่อนข้างอ่อนโยนอย่างการถ่ายรูปดอกกุหลาบสีชมพูสดที่ปลูกเองลงเฟสบุ๊กในเช้าวันหยุด
ดังนั้นเราจึงไม่รีรอที่จะชวนดร.กอบคุยถึงที่มาที่ไปของงานอดิเรกนี้ เขาเล่าให้ฟังว่า ทั้งหมดเริ่มมาตั้งแต่สมัยยังเป็น ‘เด็กชายกอบศักดิ์’ ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณย่าที่เปรียบเสมือนแม่อีกหนึ่งคนที่จังหวัดนครราชสีมา
“ตอนเด็กๆ ผมถูกเลี้ยงมาโดยคุณย่า คุณย่าเป็นคนที่รักต้นไม้มาก สมัยก่อนเวลาที่คุณย่าเข้าไปในป่า ท่านจะรู้หมดเลยว่าต้นไหนชื่ออะไรหรือมีสรรพคุณอะไร ถึงขนาดที่ว่าสมัยนั้นถ้าชาวบ้านมีปัญหาก็มักจะมาอาศัยสมุนไพรของคุณย่าเนี่ยแหละในการรักษา”
“สมัยก่อนยังจำได้เลยว่าหน้าบ้านปลูกผักกินเอง บางส่วนก็ขายที่ตลาดด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นผมก็จะมีความสุขกับการเลี้ยงต้นไม้ ปลูกต้นไม้มาตั้งแต่ตอนนั้น”
นักเศรษฐศาสตร์ผู้มีน้ำเสียงและรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ เล่าให้ฟังต่อว่า “ช่วงหลังๆ ผมก็ชอบปลูกไม้ดอกไม้ผล เอ่อ.. ไม้ผลเนี่ยนานๆ ปลูกที คุณพ่อสิชอบปลูกมะม่วง ทุเรียน มะขาม ส่วนกอบศักดิ์จะชอบปลูกไม้ใบและไม้ดอก เป็นความสุขส่วนตัว (หัวเราะ)”
เรานั่งฟังเรื่องราวที่ดร.กอบเล่าเพลินจนแทบลืมคำถามที่อยากถามต่อไป แต่พอนึกขึ้นได้เราจึงรีบถามว่า แล้วการปลูกต้นไม้มันให้อะไรกับเขาบ้าง เขาอธิบายว่า มันทำให้เขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนใส่ใจรายละเอียดและใจเย็นมากขึ้น
“สิ่งพวกนี้มันทำให้เราต้องใจเย็น ขณะเดียวกันก็ทำให้เราชอบธรรมชาติ รวมทั้งเห็นความสุขในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ความยากของชีวิตตอนนี้คือ เราชอบคิดว่า ความสุขอยู่ในสิ่งที่ใหญ่ๆ แต่ความจริงสิ่งเล็กๆ รอบตัวเราก็ให้ความสุขได้อีกหลากหลายอย่าง ดอกไม้หรือวัชพืชตามพื้นก็สวยนะครับถ้าไปดูดีๆ เพียงแต่เรามองเห็นเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
นอกจากนี้ดร.กอบยังเล่าเสริมว่า หลายคนชอบคิดว่า หูยยย ความสุขมันต้องใช้เงินเยอะๆ กว่าจะได้มา ต้องไปเที่ยวที่แพงๆ แต่ความจริงถ้าเราเห็นความสุขรอบตัว เราก็จะยิ้มออกมาง่ายขึ้น
“สังเกตดูสิครับ ผมเป็นคนยิ้มแย้มเสมอ ผมจะไม่ค่อยโกรธใครเลย (หัวเราะ)”
เข็มนาฬิกาเลื่อนผ่านไปพร้อมบทสนทนาที่ดำเนินไปอย่างออกรส เราชวนดร.กอบพูดคุยถึงกิจวัตรประจำวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น เขาตอบสวนขึ้นมาทันทีว่า “ทำงาน ทำงาน และทำงาน (หัวเราะ)
“หลายคนบอกทำงานแล้วเหนื่อยจังเลย แต่ผมกลับทำงานแล้วได้พลังจากมัน”
ดร.กอบอธิบายเสริมว่า เราอาจต้องพยายามมองหาสิ่งที่ชอบในสิ่งที่เราอาจจะไม่ชอบ ซึ่งถ้าสามารถทำแบบนั้นได้ งานที่ดูน่าเบื่อและใช้พลังเยอะ จริงๆ แล้วอาจเป็นสิ่งที่สร้างพลังให้เราก็ได้
“อย่างผมชอบต้นไม้ ผมก็มีโครงการหลากหลายโครงการที่เกี่ยวกับมัน เช่น โครงการป่าชุมชน ที่ต้องการพลิกฟื้นป่าของประเทศไทย หรือการทำโรงกล้าไม้ ผมก็ชอบ ผมก็ทำกับชุมชน คุยกันว่าจะทำยังไงให้ชุมชนปลูกกล้าไม้ขายได้”
เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ดร.กอบพูดสวนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที “ผมเพิ่งไปซาอุฯ มานะ เขาต้องการกล้าไม้ของเราเป็นพันล้านต้น รวมทั้งยังมีประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางจำนวนมากที่สนใจเรื่องนี้”
“แล้วตอนที่ผมอยู่ในรัฐบาลก็แก้กฎหมายช่วยให้ชาวบ้านปลูกต้นไม้ยืนต้นแล้วสามารถตัดไปขายเพื่อเป็นเงินออมในอนาคตของเขาได้ ซึ่งก็ทำให้ประเทศไทยช่วงหนึ่งไม่มีกล้าไม้เหลือเลย เพราะชาวบ้านแข่งกันปลูกตามพื้นที่ต่างๆ แล้วก็กลายเป็นเงินทองที่งอกเงยในหลังบ้านของเขา นี่คือตัวอย่างของการพยายามหาความสนุกจากงานที่อาจจะไม่สนุก”
มาถึงช่วงคำถามไฮไลต์ของคอลัมน์ “The Thought Leaders” เราถามอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้นี้ว่า ดูเหมือนว่าปัจจุบันเขาจะประสบความสำเร็จไปทุกด้าน แล้วมีช่วงไหนของชีวิตที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขหรือบอกตัวเองในวันนั้นหรือไม่
เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเราว่า “ผมเป็นคนชอบเล่นเกมมาก ตอนนั้นแม่มักดุว่าเล่นเกมมากไปหรือเปล่า แต่วันนี้ผมอยากกลับไปบอกแม่ว่า รู้ไหมว่าคนแคสต์เกมได้เงินเดือนมากกว่าอาชีพที่แม่อยากให้เป็นตอนนั้นเสียอีก (หัวเราะ)”
ก่อนบทสนทนาจะจบลง ดร.กอบทิ้งท้ายว่า “ทุกวันนี้น้องๆ หลายคนมักมีแนวคิดอยากรวยเร็ว อยากเกษียณเร็ว คำแนะนำของผมคือ หาสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอ แล้วก็ใส่เวลาลงไป มันไม่มีอะไรที่เป็นสูตรสำเร็จเท่าการใส่เวลาลงไป”
“ทำไมลิซ่า ลลิษา [มโนบาล] เขาถึงไปได้ดีขนาดนี้ เพราะเขาทุ่มเทใช่ไหมครับ ไม่รู้กี่ชั่วโมงต่อกี่ชั่วโมงในการเข้าฝึกซ้อม หรือทำไมไทเกอร์ วูดส์เป็นนักกล์อฟอันดับต้นๆ ของโลกได้ ก็เพราะเขาตีไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”