จากบทเรียนในสนามบาสของ ‘โคบี ไบรอันต์’ และ ‘ไมเคิล จอร์แดน’ สู่โต๊ะทำงานซีอีโอ
ถอดบทเรียนความเป็นผู้นำและการเป็นซีอีโอที่แข็งแกร่งจากบทบาทในสนามบาสของโคบี ไบรอันต์ (Kobe Bryant) และ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan)
“การทำธุรกิจ” นับเป็นสุดยอดกีฬาที่ต้องอยู่ในสนามตลอด 24 ชั่วโมงแถมยังมีเดิมพันสูงมาก เล่นแบบไม่หยุดยั้งและต้องพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการจะประสบความสำเร็จในเกมนี้ต้อง “จำเป็นต้อง ‘ก้าวข้ามขีดจำกัด’ ของทั้งร่างกายและจิตใจ”
ในขณะที่อาชีพนักกีฬาทั่วไปมีช่วงเวลาพีคที่สุดเพียง 5-10 ปี แต่อาชีพผู้บริหารนั้นแทบจะเป็นตลอดชีวิตและไม่มีช่วงนอกฤดูกาล ตั้งแต่การพัฒนาความสามารถ นักลงทุนสัมพันธ์ ดูแลชื่อเสียงของแบรนด์ การจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การบริหารความเสี่ยงการกําหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ ความเป็นผู้นําและสร้างวัฒนธรรมองค์กร และความรับผิดชอบอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คุณมุ่งมั่งยกระดับความเป็นผู้นำ พยายามหาข้อได้เปรียบ พัฒนาศักยภาพของบริษัท แต่คุณก็ยังจำเป็นต้องเพิ่ม “คุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคล” ซึ่งเรื่องราวของ โคบี ไบรอันต์ (Kobe Bryant) และ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ถือเป็นบทเรียนที่เหล่าผู้บริหารควรติดตาม
โอบกอด “Alter Ego” ของคุณซะ!
การทำงานในฐานะซีอีโอมีความคล้ายกับการที่นักกีฬาสักคนต้องทำผลงานเพราะทั้งสองบทบาทจำเป็นต้องตรวจสอบคู่แข่ง ประชาชน และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา
หากบริษัทของคุณขาดทุนสองไตรมาสติดต่อกัน ยอดขายของสินค้าเรือธงลดน้อยลง แล้วยังมีปัญหาส่วนตัวในชีวิตอีก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ “เสียงกระทบจากคนรอบข้าง” จะดังและทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าการที่คุณเป็นคนปกติเสมอ
ลองทำความเข้าใจเรื่องราวของ โคบี ไบรอันต์ แชมป์ NBA ห้าสมัยและ MVP รอบชิงชนะเลิศ NBA สองสมัยเป็นตัวอย่าง ปกติหลายคนจะยกย่องไบรอันต์ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นบาสเกตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาและหลายคนรู้จักกันในชื่อ "The Black Mamba"
ย้อนกลับไปในปี 2003 จุดต่ำสุดในอาชีพการงานของไบรอันต์ เป็นช่วงที่เขาต้องรับมือกับคดีในศาล เขาจึงต้องการวิธีที่จะทําให้ตัวเองกลับมาอยู่ใน “กรอบที่เคยเป็น” สุดท้ายเขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Kill Bill โดยนําบุคลิกของ The Black Mamba มาใช้เพื่อแยกชีวิตการทํางานและชีวิตส่วนตัวของออกจากกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกีฬาดาวเด่นหรือซีอีโอทั้งสองบทบาทเรียกร้องความใส่ใจในขณะเดียวกันทุกคนก็จับจ้องคุณเช่นกัน ดังนั้นเพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน จงจำไว้ว่าการแยกช่วงเวลาส่วนตัวออกจากชีวิตการทํางานไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรทําเท่านั้น แต่คือสิ่งจําเป็นในการสร้าง Alter Ego หรือตัวตนที่สอง (หรือพูดง่ายๆ ก็คือคุณอีกเวอร์ชันหนึ่งที่ไม่ใช่หัวหน้าหรือซีอีโอ)
ในฐานะผู้นําคุณมีความรับผิดชอบมากมายและการตัดสินใจประจําวันล้วนส่งผลต่อสมาชิกในทีม ครอบครัว ผู้ถือหุ้น และทิศทางของบริษัท ในที่สุดการแบ่งส่วนชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณจดจ่อกับงานทั้งหมดของคุณและจัดสรรส่วนต่างๆ ที่จำเป็นในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลองนึกภาพการเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลําบาก แนะนำให้ลองปล่อยให้ Alter Ego ของคุณปรากฏขึ้น มันไม่ใช่บรูซ เวย์น (Bruce Wayne) ในคราบของมนุษย์ปกติในตอนกลางวัน แต่มันคือบรูซ เวย์นอีกคนหนึ่งที่กลายร่างไปเป็น “แบทแมน” ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายและความขัดแย้ง ความคิดของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงสัยในตัวเองเองจะหมดไป เราต้องทําทุกวิถีทางเพื่อปกป้องความคิดของเราในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ดังนั้นคำแนะนำคือ ถามตัวเองว่า “คุณต้องกลายไปเป็นใคร” เพื่อจัดการกับสิ่งที่กำลังเผชิญเพื่อที่จะเริ่มบังคับเรือให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง?
ออกจาก ‘Comfort Zone’ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ก่อนที่เขาจะเป็นแชมป์ NBA หกสมัย MVP รอบชิงชนะเลิศหกสมัย NBA MVP ห้าสมัย และเป็นที่รู้จักในฐานะนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล หลายคนคาดหวังให้ “ไมเคิล จอร์แดน” เป็นแชมป์ทุกแมตช์ที่ลง แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ไมเคิล จอร์แดน (ซ้าย) บารัค โอบามา (ขวา)
หลายคนรู้จักจอร์แดนในหลายบทบาท แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใดคือความคิดของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการใช้ “ความโกรธ” และการรับรู้อื่น ๆ เล็กน้อยเป็นแรงจูงใจ บ่อยครั้งที่ความโกรธถือเป็นอารมณ์เชิงลบ ส่วนหนึ่งก็อาจจะจริงแต่สำหรับจอร์แดนเขามองความโกรธเป็นพรสวรรค์แล้ว “เลือกใช้” มันให้ถูกเวลา
ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในโถงประชุมอันทรงเกียรติ จอร์แดนกล่าวถึงโค้ชที่โรงเรียนมัธยมของเขา และเล่าว่าเมื่อเขาลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาบัยนอร์ทแคโรไลนา เขาไม่ใช่นักบาสที่โด่งดังที่สุด แต่คือ บัซ ปีเตอร์สัน (Buzz Peterson) ในตอนนั้นหลายคนเชื่อว่าจอร์แดนจะไม่ลงเล่นหากมีปีเตอร์สัน ณ จุดนั้นเองที่จอร์แดนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล่านี้เพื่อปรับปรุงตัวเอง
ย้อนกลับมามองที่ 'ธุรกิจ'
แล้วสําหรับไตรมาสนี้ ปีนี้? ตลอดชีวิต? คุณจะใช้อะไรเป็นแรงจูงใจปีนี้? แต่จงจำไว้ว่าหนึ่งในความรู้สึกที่มักเกิดขึ้นกับเราบ่อยครั้งคือ “ความโกรธ” และ “ความรำคาญ” เหมือนกับที่จอร์แดนเจอ
บางทีสินค้าของคุณอาจจะอยู่ในอันดับสองในตลาดที่คุณเล่นอยู่ ส่วนคู่แข่งของคุณได้รับการยอมรับ เงินทุน และสัญญาที่อาจเป็นของคุณ ดังนั้นเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งจงเตือนตัวเองทุกวันเกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านั้นและติดตามคู่แข่งตลอดเวลา “แปะ” เขาไว้ในที่ที่คุณเห็นเป็นประจำ
หากแนวคิดแบบนั้นดูไร้สาระเกินไปหรือคุณไม่ใช่คู่แข่งที่ต้องการชนะมากขนาดนั้น จงเตือนตัวเองเสมอว่า “ทําไมคุณถึงทําในสิ่งที่คุณทําอยู่ปัจจุบัน” เพราะครอบครัว? เพราะต้องการใช้ชีวิตพนักงานในบริษัทดีขึ้น? หรือต้องการแค่เอาชนะเป้าหมายในใจของตัวเอง?
ความโกรธและอารมณ์อื่น ๆ สามารถใช้เป็นเข็มทิศที่มีค่าเพื่อชี้ไปยังสถานที่ที่เราต้องการเพียงแต่ในทางตรงกันข้ามคุณก็จำเป็นต้องควบคุมและเข้าใจมันแบบเจ้านายคุมลูกน้อย
อ้างอิง : Forbs
